นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) คาดว่ารายได้ในปี 67 จะเติบโตต่อเนื่องจากปัจจัยฤดูกาล โดยวางเป้าเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ตอกย้ำแผนงาน CKP NET ZERO EMISSIONS 2050
ก้าวต่อไป CKP วางเป้าหมายการเติบโตด้านการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนและรากฐานความมั่นคงทางพลังงาน ตลอดจนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน โดยในปี 66 โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในเครือของกลุ่มบริษัท CKP สามารถผลิตไฟฟ้าสะอาดส่งให้ประเทศไทยได้กว่า 8.5 ล้านเมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh) หรือคิดเป็นกว่า 17% ของไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ใช้ในประเทศของปี 66 และสามารถหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 4.4 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ที่สามารถหวังผลในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรมภายในปี พ.ศ. 2593 และการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนทางพลังงานของประเทศไทย” นายธนวัฒน์ กล่าว
สำหรับปี 66 CKP ชี้แจงผลประกอบการว่า กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทลดลง 40% จากปี 65 โดยมีสาเหตุหลักมาจาก (1) การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน XPCL ลดลง จากปริมาณการขายไฟฟ้าที่ลดลง และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นตามแนวโน้มดอกเบี้ยโลก (2) ค่าใช้จ่ายจากงานซ่อมบำรุงใหญ่ (Major Overhaul) ของ NN2 (3) การสิ้นสุดการได้รับรายได้ Adder ของ BKC และ (4) รายได้จากการขายไฟฟ้าของ NN2 ลดลง
CKP มีรายได้ 10,941 ล้านบาทในปี 66 แม้ว่าจะต้องเผชิญกับปรากฎการณ์เอลนีโญ แต่ปริมาณน้ำดีขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางไตรมาส 3/66 โดยบริษัทได้ปรับแผนการผลิตไฟฟ้าให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีปริมาณน้ำคงเหลือในอ่างเก็บน้ำของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 สูงถึง 367 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งเป็นระดับน้ำคงเหลือในอ่างเก็บน้ำที่สูงที่สุดในรอบ 3 ปี และจะส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 67 ซึ่งเป็นฤดูแล้ง
อย่างไรก็ตาม บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน ในบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) ลดลงจากปริมาณการขายไฟฟ้าที่ลดลงตามปริมาณน้ำ และต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นตามแนวโน้มดอกเบี้ยโลก ประกอบกับ บริษัท ไฟฟ้า น้ำงึม 2 จำกัด (NN2) มีรายได้จากการขายไฟฟ้าลดลงและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากงานซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผนซ่อมบำรุง (Major Overhaul)
ในขณะที่ บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด (BIC) มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยในปี 66 ที่ปรับลดลง จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของ CKP เพิ่มขึ้นเป็น 25.4% หรือเพิ่มขึ้น 4.9% จากปี 65 และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1,462 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 13%
นายธนวัฒน์ กล่าวว่า แม้ว่าตลอดปีที่ผ่านมา CKP จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากวิกฤตการณ์สำคัญต่าง ๆ ทั่วโลกที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัท โดยเฉพาะปรากฎการณ์เอลนีโญ แต่บริษัทยังสามารถบริหารจัดการการดำเนินงานให้ผ่านสภาวะความไม่แน่นอนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีกำไรสุทธิ มีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว อีกทั้งยังคงสถานะทางการเงินที่มั่นคงอย่างสม่ำเสมอ โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำที่ 0.53 เท่า สะท้อนแนวทางการบริหารงานของบริษัทที่มุ่งสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ XPCL ยังประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Debentures) เพิ่มเติมในปี 66 อีก 3,500 ล้านบาท โดยนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปชำระคืนเงินกู้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยและลดต้นทุนทางการเงินของ XPCL ท่ามกลางแนวโน้มภาวะดอกเบี้ยโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นในปี 66
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.พ. 67)
Tags: CKP, ซีเค พาวเวอร์, ธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์, หุ้นไทย