DELTA ลบ 4.49% โบรกประสานเสียงแนะ “ขาย” ผิดหวังกำไร-ปันผล, ราคาหุ้นยังแพง

DELTA ลบ 4.49% มาที่ 74.50 บาท ลดลง 3.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 840.49 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.50 น. โดยเปิดตลาดที่ 78.25 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 78.25 บาท และต่ำสุดที่ 74.50 บาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่เข้ารับฟังข้อมูลจากงาน Analyst Meeting ของ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA) ส่วนใหญั่งยืนยันคำแนะนำ “ขาย” หุ้น DELTA จากกำไรสุทธิไตรมาส 4/66 ต่ำกว่าคาด และราคาหุ้นยังแพงเกินไป

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า DELTA รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/66 ที่ 4.7 พันล้านบาท (-13% q-q, +12.5% y-y) หากไม่รวม FX Loss ที่ 93 ล้านบาท และกำไรจากการผิดสัญญาการค้า (เก็บจากลูกค้าหลายราย) 546 ล้านบาท จะมีกำไรปกติที่ 4.26 พันล้านบาท (-16% q-q, -5% y-y) ต่ำกว่าที่เราและตลาด มาจากค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าปกติ

1. ค่าบริการด้านเทคนิคจ่ายให้กับ Delta Taiwan 1.37 พันล้านบาท (เรียกเก็บย้อนหลังด้วย)

2. อัตราภาษีสูงขึ้นเป็น 9.7% จาก 3% ในไตรมาส 3/66 และ 7% ในไตรมาส 4/65 จากรายได้ Non-BOI สูงขึ้น ขณะที่รายได้ EV power อ่อนลง q-q พอควรจากทั้งลูกค้า US & Asian และ EU ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นทำได้ดี เพิ่มขึ้น q-q จากกลุ่ม Data Center มีมาร์จิ้นดีขึ้น และสัดส่วน AI power system สูงขึ้น จบปี 66 มีกำไรสุทธินิวไฮที่ 1.84 หมื่นล้านบาท +20%y-y

จากที่ประชุมนักวิเคราะห์ บริษัทให้ภาพคำสั่งซื้อ EV power ในไตรมาส 1/67 ไม่ตื่นเต้น อาจทรงตัว q-q (แต่โตสูง y-y เพราะฐานต่ำ) ขณะที่ค่าบริการด้านเทคนิคจ่ายให้บริษัทแม่น่าจะยังต้องรับรู้ต่อในปี 67 แต่อาจเกลี่ยเป็นรายไตรมาส เช่นเดียวกับค่า Royalty fee ที่ปัจจุบันจ่ายให้ Delta Taiwan ทุกปี และมีโอกาสถูกรีวิวเพิ่มขึ้นอีก ขึ้นอยู่กับบริษัทแม่เป็นหลัก

ทั้งนี้ บริษัทยังตั้งเป้ารายได้ปี 67 โตต่อ 10-20% y-y และตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้น +1-2% จากปี 66 เป็น 23-24% ปัจจัยหนุนยังมาจาก EV power เป็นหลัก ตั้งเป้าโตสูงต่อเนื่อง รวมถึงการฟื้นตัวของรายได้กลุ่มอื่นทั้ง Data Center, Fan และ India business

บริษัทยังมีแผนลงทุนขยายกำลังการผลิตต่อเนื่อง หลังจากขยายโรงงานบางปู (EV related) ในปี 66 โดยปี 67 จะเริ่มขยายโรงงานเวลโกรว ฉะเชิงเทรา (กลุ่ม Power electronics) ใช้เงินลงทุนราว 3 พันล้านบาท จะแล้วเสร็จปี 68 รวมถึงมีแผนขยายที่อินเดียและเยอรมณีด้วยด้วยเงินลงทุน 3.3 พันล้านบาท และ 964 ล้านบาท

เรายังคาดกำไรสุทธิปี 67 โตต่อราว 19% เป็น 2.2 หมื่นล้านบาท โดยใช้ assumptions ใกล้เคียงเป้าบริษัท ยังคงราคาเป้าหมาย 70 บาท อิง PE 40x ตามเดิม แม้ราคาหุ้นปรับลงมาแล้ว 15% YTD แต่ราคาหุ้นยังเต็มมูลค่า และปัจจุบันเทรดบน 2024E P/E ที่ 44x จึงคงคำแนะนำขาย และบริษัทประกาศจ่ายปันผลงวดปี 66 หุ้นละ 0.45 บาท Dividend yield เพียง 0.6%

ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุว่า มีมมองเชิงลบเล็กน้อยจากการประชุมนักวิเคราะห์

1. ค่าบริการด้านเทคนิคที่จ่ายไป 1.38 พันล้านบาท เกิดจากการ overlapping (ทับซ้อนกัน) ของสายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพอร์ตโฟลิโอกับ DELTA Group สิ่งนี้บ่งชี้ว่าค่าธรรมเนียมลิขสิทธิ์ที่สูงขึ้นในปี 67 นับจากนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ ค่าลิขสิทธิ์รวมในปี 66 และ 65 อยู่ที่ 6.17 พันล้านบาท และ 6.09 พันล้านบาท ตามลำดับ หรือประมาณ 4.3-5.2% ของยอดขายรวม

2. ปัญหาทะเลแดงส่งผลกระทบต่อความล่าช้าในการขนส่งไปยังสหภาพยุโรป ในขณะที่ค่าขนส่งเพิ่มเติมส่วนใหญ่จะถูกดูดซับจากลูกค้า

3. Data center, โครงสร้างพื้นฐาน และพัดลม ซบเซาในไตรมาส 4/66

4. DELTA คงยอดขายเติบโต 10-20% ในปี 67 โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) อยู่ที่ 23-24% ในขณะที่แนวโน้มยอดขายในไตรมาส 1/67 มีแนวโน้มทรงตัว QoQ จากความต้องการที่ระมัดระวัง และการจัดส่งล่าช้า

5. แผน CAPEX ในปี 67 อยู่ที่ประมาณ 380 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 345 ล้านดอลลาร์ในปี 66

ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำ “ขาย” หุ้น DELTA โดยมูลค่าเหมาะสมเท่ากับ 66.00 บาท

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.พ. 67)

Tags: , , ,
Back to Top