ยังไม่เคาะขยายเวลาขายเหล้า-เบียร์ ตั้งคณะทำงานศึกษาข้อมูลในทุกมิติ

คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เห็นชอบให้ศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการขยายเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนนำเข้าที่ประชุมครั้งต่อไป เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเชิงสถิติที่ชัดเจน พร้อมให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนเพื่อการบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 โดยมีนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข (สธ.) และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม นพ.ชลน่าน เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า วันนี้ที่ประชุมฯ ได้ร่วมกันพิจารณาเรื่องการขยายเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อสนับสนุนการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ โดยได้นำข้อเสนอจากที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 67 มาประกอบการพิจารณา โดยมีความเห็น ดังนี้

1. ปัจจุบันมีกฎหมายที่กำหนดเกี่ยวกับเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สำหรับร้านอาหารทั่วไป ได้แก่ ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 253 และกฎกระทรวงที่ออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าว ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2558 ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 และต้องคำนึงถึง พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ. 2509 ซึ่งถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะต้องปรับแก้กฎหมายเหล่านี้ และต้องคำนึงถึงเวลาเปิด-ปิด ตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ และการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว

2. ข้อมูลในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพ ยังไม่มีข้อมูลทางสถิติที่ชัดเจน ดังนั้น จึงสมควรศึกษาข้อมูลแล้วนำมาเปรียบเทียบกับข้อมูลของจังหวัดนำร่อง เพื่อนำมากำหนดเวลาที่จะขยาย เพื่อความละเอียดรอบคอบ

“ที่ประชุมได้มีมติให้แต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อไปทำการศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดกรอบระยะเวลาในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารทั่วไปอย่างรอบคอบรอบด้าน ทั้งนี้ ไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาในการศึกษาข้อมูล แต่เนื่องจากเป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคม ก็จะเร่งรัดให้เร็วที่สุด โดยคำนึงถึงข้อมูลที่เพียงพอสำหรับประกอบการพิจารณา นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนเพื่อการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสภาพผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย” นพ.ชลน่าน กล่าว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.พ. 67)

Tags: , , , ,
Back to Top