นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ทั้งกลุ่มรวม 2.8 หมื่นล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่ทำรายได้รวม 2.61 หมื่นล้านบาท พร้อมวางเป้ายอดขายของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายในปี 67 ไว้ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท และยอดโอนที่ 2.55 หมื่นล้านบาท โดยวางแผนเปิด 30 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 2.9 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการบ้านเดี่ยว 10 โครงการ ทาวน์เฮาส์ 17 โครงการ และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ
ขณะเดียวกันบริษัทมีที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่ ที่จะแปลงเป็นรายได้มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยวางแผนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้พอร์ตโฟลิโอ (Portfolio) ด้วยการเพิ่มสินค้าสำหรับกลุ่มลูกค้าในเซ็กเม้นต์ระดับกลาง-สูง พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มของแบรนด์ The Palm สู่ราคามากกว่า 30 ล้านบาท ที่นำความร่วมมือ (Synergy) จากธุรกิจเฮลท์แคร์ในเครือเข้ามาผสานใช้ ให้เป็นภาพใหญ่ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมมุ่งบริหารสินทรัพย์ที่มีในมือ โดยในปี 67 ตั้งเป้าในการ Re-Stock Landbank ด้วยงบ 1.05 หมื่นล้านบาท เพื่อมาต่อยอดการขยาย มุ่งพัฒนาที่อยู่อาศัย เพื่อจะคงสัดส่วนการพัฒนาตามกลุ่มลูกค้าราคาบ้านต่ำกว่า 3 ล้านบาทให้ไม่เกิน 40% และมากกว่า 7 ล้านบาทให้มากกว่า 30%
นายอุเทน กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดอส่งหาริมทรัพย์ไทยในปี 67 บริษัทได้เล็งเห็นถึงโอกาสจากปัจจัยบวกของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการกระตุ้นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยการใช้มาตรการวีซ่าฟรีสาหรับนักท่องเที่ยวจีน อินเดีย คาซัคสถาน และไต้หวัน การต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนสาหรับบ้านหลังละไม่เกิน 3 ล้านบาท และแนวโน้มที่ตลาดบ้านเดี่ยวระดับราคา 10–30 ล้านบาท จะยังคงเป็นที่สนใจของตลาดอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงได้สนับสนุนการสร้าง Champion Brand โดยมีแบรนด์เดอะคอนเนค จากกลุ่มทาวน์เฮ้าส์ เดอะปาล์ม จากกลุ่มบ้านเดี่ยว และแชปเตอร์ จากกลุ่มคอนโดมิเนียม เน้นการสร้างจุดยืนที่ชัดเจนเพื่อการปรับระดับโครงการของพฤกษาในอนาคตให้มีมูลค่าสูงขึ้น
สำหรับธุรกิจโรงพยาบาลวิมุต และเฮลท์แคร์ของ PSH ตั้งเป้ารายได้ปี 67 ที่ 2.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 1.82 พันล้านบทท โดยบริษัทได้วางแผนในการให้บริการเพิ่มเติม เพื่อให้ตอบรับกับการเป็นอยู่ที่ดีมากขึ้น รวมถึงการจัดแพคเกจและกิจกรรมส่งเสริมการขายกับลูกค้าองค์กร พร้อมทั้งยังคงให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าต่างชาติตอบรับนโยบายวีซ่าฟรีสาหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรต่างชาติ ได้แก่ การร่วมลงทุนในนัลลูรี่ (Naluri) ผู้ให้บริการด้านสุขภาพแบบดิจิทัลจากประเทศมาเลเซีย และร่วมมือกับ Pathology Asia จากประเทศสิงคโปร์ ในธุรกิจห้องปฏิบัติการทางการแพทย์และการวิเคราะห์ผล
ขณเดียวกัน ยังมีการลงทุนในการกองทุน CapitaLand Wellness Fund (C-Well) เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่เน้นการดูแลสุขภาพและการใช้ชีวิตอย่างสุขภาพดี เช่น โครงการโรงแรมและที่อยู่อาศัยเพื่อสุขภาพ โรงพยาบาลเฉพาะทาง ศูนย์พักฟื้น การร่วมลงทุนใน Amili จากประเทศสิงคโปร์ เพื่อส่งเสริมเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและรักษาด้วยไมโครไบโอมในระบบทางเดินอาหารอย่างครบวงจร และความร่วมมือกับ เค.พี.เอ็น ซีเนียร์ ฮอสปิตัล กรุ๊ป ในการบริหารสถานพักฟื้นสาหรับผู้สุงอายุ พร้อมกับต่อยอดความร่วมมือกับโรงพยาบาลรามาธิบดี เพิ่มทางเลือกและการเข้าถึงบริการทางสุขภาพ 17 แพ็คเกจ เช่นแพ็คเกจผ่าตัดถุงน้ำดี ผ่าตัดมดลูก เต้านม ก้อนเนื้อที่รังไข่ ซ่อมแซมไส้เลื่อน ผ่าตัดริดสีดวงทวาร เปลี่ยนข้อเข่าเทียม ผ่าตัดก้อนหรือผิวหนัง เป็นต้น พร้อมกับได้มีการขยายบริการไปยังกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างชาติมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มประเทศในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
บริษัทมีแผนการรีแบรนด์โรงพยาบาลเทพธารินทร์ ให้เป็น “โรงพยาบาลวิมุต เทพธารินทร์” พร้อมเปิดตัวในช่วงเดือนเม.ย.นี้ และความร่วมมือกับ เค.พี.เอ็น ซีเนียร์ ฮอสปิตัล กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุและเป็นโซลูชั่นในการดูแลผู้สูงอายุครบทุกมิติเพื่อขยายการรองรับสู่สังคมอายุยืน เข้าบริหารเนอร์สซิงโฮมของกลุ่มวิมุตในย่านบางนา แบริ่ง และวัชรพล ซึ่งมีจำนวนรวม 240 เตียง พร้อมโอกาสในการบริหารเนิร์สซิงโฮมอีก 5 แห่ง โดยตั้งเป้าขยายจำนวนเตียงที่ให้บริการรวม 600 เตียง ภายใน 3 ปี พร้อมทั้งยังคงดำเนินการก่อสร้างโรงพยาบาลวิมุต แห่งใหม่ บริเวณถนนสุขุมวิทและย่านฝั่งธนฯอย่างต่อเนื่อง
“การรีโมเดลธุรกิจและโครงสร้างองค์กรในปีที่ผ่านมา ทำให้ในปีนี้ราเชื่อว่าพฤกษา โฮลดิ้งพร้อมด้วยกลุ่มบริษัทในเครือทั้งหมด มีความพร้อมทั้งด้านการปฏิบัติการ และความพร้อมทางการเงิน ที่จะเดินหน้าสู่ทิศทางแห่งการเติบโตอย่างก้าวไกลไปอีกขั้น ตามกลยุทธ์ Ready To Thrive” นานอุเทน กล่าว
ในส่วนของประโยชน์ที่ได้รับจากการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ในครั้งนี้ ได้แก่ ประโยชน์จากการจัดซื้อจ้างในครั้งละจำนวนมาก การขนส่ง และการเพิ่มคุณค่าสินค้าให้โครงการ, การเพิ่มโอกาสในการขายข้ามกลุ่มสินค้า (Cross-Selling) รองรับความต้องการของลูกค้าในทุกช่วงชีวิต และ การสร้างรายได้เพิ่มเติม จากสินค้าและบริการต่างๆที่หลากหลาย โดยบริษัทตั้งเป้าในอนาคตเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring income) เป็น 25% จากการผสานประโยชน์จากทุกแพล็ตฟอร์มเพื่อรังสรรค์การอยู่อาศัยที่ “อยู่ดี มีสุข” ตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.พ. 67)
Tags: PSH, พฤกษา โฮลดิ้ง, หุ้นไทย, อุเทน โลหชิตพิทักษ์