นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ รอติดตามรายงาน GDP ไทยจากสภาพัฒน์เช้านี้ และภาพรวมของตลาดหุ้นยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ หลังรับข่าวไปค่อนข้างมากแล้ว และปัจจัยตัวเลข PPI ของสหรัฐยังออกมาเพิ่มขึ้นและสูงกว่าตลาดคาด ส่งผลตลาดคาดเฟดชะลอลดดอกเบี้ย พร้อมให้แนวต้าน 1,400 จุด แนวรับ 1,380 จุด
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยที่ยังรอการรายงานตัวเลข GDP ไทยของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ในช่วงเช้าวันนี้ ประกอบกับยังไร้ปัจจัยใหม่เข้ามาหนุนตลาดหุ้นไทย หลังจากที่ได้รับทราบปัจจัยสำคัญๆไปค่อนข้างมากแล้ว
ขณะที่ปัจจัยจากสหรัฐในปลายสัปดาห์ที่แล้วหลังจากรายงานตัวเลขดัชนี PPI ออกมาเพิ่มขึ้นและสูงกว่าตลาดคาดไว้ ส่งผลต่อการคาดการณ์ของตลาดในการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการลดดอกเบี้ยออกไป ทำให้ภาพรวมของตลาดยังขาดปัจจัยหนุน ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เปิดมาเคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน
โดยให้แนวต้าน 1,400 จุด แนวรับ 1,380 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (16 ก.พ.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,627.99 จุด ลดลง 145.13 จุด หรือ -0.37%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,005.57 จุด ลดลง 24.16 จุด หรือ -0.48% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,775.65 จุด ลดลง 130.52 จุด หรือ -0.82%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,334.47 จุด ลดลง 5.49 จุด หรือ -0.03% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,886.59 จุด เพิ่มขึ้น 20.69 จุด หรือ +0.72% ขณะที่ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 38,473.41 จุด ลดลง 13.83 จุด หรือ -0.03%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ก.พ.) ที่ 1,386.27 จุด ลดลง 1.00 จุด (-0.07%) มูลค่าซื้อขาย 43,564.47 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 760.57 ล้านบาท (16 ก.พ.)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.(16 ก.พ.) เพิ่มขึ้น 1.16 ดอลลาร์ หรือ 1.49% ปิดที่ 79.19 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้นราว 3% ในรอบสัปดาห์นี้
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ก.พ.) อยู่ที่ 8.02 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.96 แข็งค่าตามหยวน จับตาตัวเลข GDP ไทยเช้านี้
- แบงก์ขานรับมาตรการ ธปท. เร่งปรับโครงสร้างหนี้สินเชื่อรายย่อย-ธุรกิจ กันตัวเลข เอ็นพีแอล ขยับ “กรุงไทย” โฟกัสกลุ่มเปราะบางรายได้น้อย “ทิสโก้” เผยตัวเลข ปรับโครงสร้างหนี้เฉลี่ย 200-300 ราย ต่อเดือน ส่วน “ทีทีบี” พร้อมช่วยลูกหนี้รถ-บ้าน ยืดเทอม-ผ่อนตามกำลัง ลดยึดรถ ฟาก “กรุงศรีฯ” ชี้ ลูกค้าเริ่มส่งสัญญาณเร่งเสนอแผนปรับโครงสร้างตามกระแสเงินสด-ดูเงินหลังหักชำระหนี้ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดเอ็นพีแอลอยู่ในกรอบ 2.60-2.85%
- เครดิตบูโรเผย หนี้ครัวเรือนไทยไตรมาส 4 ปี 66 โต 3.3% แซงหน้าจีดีพีที่คาดว่าจะโต 2.5-2.6% ชี้กดให้ต่ำกว่า 80% ตามแผนธปท. 3 ปียากห่วงหนี้เสียรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดพุ่ง 44% จี้ธปท.ผ่อนเกณฑ์ปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม
- “3 หน่วยงาน” วุ่น! เคลียร์ ปัญหาลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน “สกพอ.-ร.ฟ.ท.-บีโอไอ” เคลียร์ปมบัตรส่งเสริมลงทุน ห่วงลงนาม มา 4 ปีกว่า ยังเริ่มก่อสร้างไม่ได้ เผยเร่ง “ซีพี” เจรจาหาทางออกเพื่อเดินหน้าโครงการ รัฐยอมรับล่าช้ากว่าแผน กระทบความเชื่อมั่นการลงทุนในอีอีซี ด้าน ร.ฟ.ท.ขีดเส้นตาย พ.ค.นี้ ต้องลงนามแก้ไขสัญญาใหม่
- “รัฐบาล” เร่งท่าเรือน้ำลึก “แหลมฉบัง-มาบตาพุด” คู่กันผลักดัน แลนด์บริดจ์ เพิ่มศักยภาพขนส่งทางน้ำไทย “กอบศักดิ์” หนุนใช้ประโยชน์รถไฟทางคู่เชื่อมอีอีซี-เอสอีซี “ดับบลิวเอชเอ” หนุนรัฐบาลมองภาพใหญ่ พัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่องในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้
- “ยูทีเอ” พร้อมลงทุน “อู่ตะเภา” คาดออกหนังสือ NTP เริ่มก่อสร้างภายในปี 2567 “พุฒิพงศ์” ห่วงโครงการรถไฟความเร็วสูงล่าช้า กระทบการพัฒนาอู่ตะเภา ชี้จำเป็นต้องมีขนส่งระบบรางขนส่งผู้โดยสารเข้ากรุงเทพฯ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมือง การบินภาคตะวันออก เป็นอีกเมกะโปรเจกต์สำคัญ ขับเคลื่อนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ได้มีการลงนามร่วมลงทุนไปเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2563
- “กองทัพเรือ” เปิดประมูลรันเวย์ 2 “อู่ตะเภาเมืองการบิน” แล้ว ราคากลาง 1.52 หมื่นล้าน ยื่นข้อเสนอ 4 มี.ค.67 ไทม์ไลน์คาดเซ็นรับเหมาใน ก.ย.67
หุ้นเด่นวันนี้
- SPRC (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 10.40 บาท ตลาดมองข้ามผลขาดทุนในไตรมาส 4/66 ไปแล้วและวันนี้ได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบและค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะ Gasoline crack spread QTD เร่งตัวขึ้นแตะระดับ 18.5$/bbl เพิ่มขึ้น 47%qoq เป็นบวกกับ SPRC โดยตรงเพราะกลั่นน้ำมันเบนซินมากที่สุดของกลุ่ม
- CPALL (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 70.00 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/66 ปรับขึ้นทั้ง q-q และ y-y จากการเข้าสู่ช่วง High Season ผสานการฟื้นของภาคท่องเที่ยว และการเฉลิมฉลอง อีกทั้งค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อรายได้ปรับลดลง SSSG ของร้าน 7-Eleven และ MAKRO ปรับตัวขึ้นดี ขณะที่ Valuation ซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PE ในอดีตค่อนข้างมาก
- GPSC (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 56.50 บาท บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 478 ล้านบาท ลดลง -73%QoQ แต่พลิกกำไรจากไตรมาส 4/65 โดยกำไรที่ลดลงมาจากโรงไฟฟ้า SPP ปริมาณขายไฟฟ้าและไอน้ำลดลง เนื่องจากลูกค้าอุตสาหกรรมบางส่วนปิดซ่อมบำรุง ประกอบกับค่า Ft ที่ปรับลดลงจากงวดก่อนหน้า รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าไซยบุรีที่ลดลงตามฤดูกาล สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/67 คาดกำไรฟื้นตัว QoQ เป็นผลจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้างวด ม.ค.-เม.ย.67 ประกอบกับต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลงทั้งถ่านหินและก๊าซ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่ลดต่ำลงตามฤดูกาล ส่วนในปี 67 จะยังคงได้ผลบวกจากต้นทุนพลังงานที่ลดลงส่งผลบวกต่อ margin โดยปริมาณก๊าซที่ผลิตจากแหล่งเอราวัณจะทยอยเพิ่มขึ้นในเดือน เม.ย. ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 67 อยู่ที่ 5.1 พันล้านบาท +37%YoY
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.พ. 67)
Tags: วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา, หุ้นไทย