“สแตนชาร์ต” เล็งแยกแผนกวาณิชธนกิจออกจากธุรกิจลูกค้าองค์กร คาดมีเลย์ออฟ

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด หรือ “สแตนชาร์ต” กำลังพิจารณาปรับโครงสร้างธุรกิจการธนาคารสถาบัน ซึ่งเป็นหน่วยงานของบริษัทฯ ที่ดูแลวาณิชธนกิจและเทรดเดอร์ โดยเป็นแผนล่าสุดของประธานเจ้าหน้าที่บริหารอย่างนายบิล วินเทอร์ส ในการเพิ่มผลตอบแทนให้กับบริษัทฯ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานในวันนี้ (14 ก.พ.) โดยอ้างแหล่งข่าวผู้ไม่ประสงค์ออกนามว่า สแตนชาร์ตกำลังพิจารณาทางเลือกต่าง ๆ อยู่ รวมถึงการแยกแผนกวาณิชธนกิจออกจากส่วนงานด้านธุรกิจการธนาคารที่ทำกับองค์กรและลูกค้าภาคธุรกิจ และความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจนำไปสู่การลดจำนวนพนักงาน แต่ขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย

แผนปรับปรุงโครงสร้างดังกล่าวจะเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของนายวินเทอร์สในการเพิ่มผลตอบแทน ขณะที่หุ้นสแตนชาร์ตร่วงลงภายใต้การบริหารของซีอีโอวัย 62 ปีรายนี้ โดยปัจจุบันหุ้นซื้อขายกันต่ำกว่าราคาในช่วงที่นายวินเทอร์สเข้ารับตำแหน่งในปี 2558 ถึงประมาณ 40%

อนึ่ง หุ้นสแตนชาร์ตในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงร่วงลง 1.1% สู่ระดับ 57.05 ดอลลาร์ฮ่องกง ในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้

สแตนชาร์ตประสบปัญหาหนักในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากถูกบังคับให้กันเงินสำรองเพิ่มขึ้นสำหรับหนี้เสียที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ของจีน ส่วนในช่วงไม่กี่ไตรมาสที่ผ่านมา สแตนชาร์ตพยายามเพิ่มผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่จับต้องได้ (RoTE) ให้สูงกว่า 11% ภายในสิ้นปีนี้

เมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว นายแอนดี ฮัลฟอร์ด ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของสแตนชาร์ตในขณะนั้น กล่าวว่า “นี่คือธุรกิจที่ดำเนินไปได้ด้วยดีถึงแม้ตลาดจะมีความท้าทายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ตาม เรารู้สึกมั่นใจเกี่ยวกับแนวโน้มการผลักดัน RoTE ให้ทะลุระดับ 10% เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี แล้วหลังจากนั้นก็ยังจะเพิ่มไปถึง 11% หรือมากกว่านั้น”

ทั้งนี้ สแตนชาร์ตเป็นหนึ่งในธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรปที่เน้นทำธุรกิจในตลาดเกิดใหม่ โดยรายได้เกือบทั้งหมดมาจากเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ธนาคารแห่งนี้ให้บริการลูกค้าองค์กรหลายพันราย รวมถึงลูกค้ารายย่อยอีกหลายล้านราย

ตอนนี้แผนกการธนาคารสำหรับองค์กร การพาณิชย์ และสถาบัน ที่ดูแลโดยนายไซมอน คูเปอร์ ทำรายได้ส่วนใหญ่ให้กับสแตนชาร์ต อย่างไรก็ดี แผนกดังกล่าวได้รับผลกระทบจากการทยอยลาออกของผู้บริหารระดับสูงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นนายพอล สเกลตัน หัวหน้าด้านบริการลูกค้า และนายเจมส์ คาเมรอน หัวหน้าฝ่ายอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์

ขณะเดียวกัน การประมาณการจากนักวิเคราะห์ที่รวบรวมโดยบลูมเบิร์กระบุว่า สัปดาห์หน้า บริษัทฯ จะรายงานการเติบโตของรายได้จากด้านบริการธุรกรรมธนาคารชะลอตัวลงในไตรมาส 4/2566 ส่วนแผนกซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ คาดว่าจะรายงานรายได้เพิ่มขึ้น 2.5%

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.พ. 67)

Tags: ,
Back to Top