บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ออกตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ DR ใหม่ 2 ตัว จากสิงคโปร์ DR : “STEG19” และ “VENTURE19” สามารถเทรดผ่านกระดานหุ้นไทยได้ และเปิดให้นักลงทุนได้เทรดในวันที่ 19 ก.พ. 67 และ 28 ก.พ. 67 เป็นต้นไปตามลำดับ
STEG19 อ้างอิงหุ้น Singapore Technologies Engineering Limited (ST Engineering) เป็นทางเลือกการลงทุนสำหรับคนไทย โดยมีกำหนดเข้าซื้อขายใน SET วันที่ 19 ก.พ. 67 ชูจุดแข็ง “รายได้-กำไร-มาร์เก็ตแคป” ซึ่งมีสัดส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของทุน (ROE) สูงเฉลี่ย 23.34% ต่อปี เงินปันผลเฉลี่ย 4%ต่อปี (จ่ายปันผลทุกไตรมาส)
ST Engineering เป็นผู้นำด้านวิศวกรรมเทคโนโลยีด้านอากาศยานและป้องกันประเทศ (Aerospace and Defence) รวมถึงระบบ Smart Cities และดาวเทียม ดำเนินธุรกิจมากว่า 50 ปี ในแง่ของภาพรวมของรายได้ กำไร รวมถึงมาร์เก็ตแคปมีขนาดใหญ่ บริษัทมียอดสัญญางานกว่า 27.5 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 20% เทียบ Q4/65
รายได้ใน Q3/66 เท่ากับ 7.3 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 12.0% (YoY) กำไรสุทธิกว่า 500 ล้านเหรียญสิงคโปร์ โดยในปี 65 สัดส่วนรายได้หลักมาจากยุทโธปกรณ์ทางทหารอากาศยานเชิงพาณิชย์และระบบ Smart City ที่ 47.2%, 33.1% และ19.6% ตามลำดับ
ทั้งนี้ ST Engineering คือบริษัทลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ผ่าน Temasek Holding ถือครองหุ้นมากกว่า 50.8% และนักลงทุนสถาบันต่าง ๆ ถือรวมกัน 67.5% แสดงถึงความเชื่อมั่นของบริษัท นอกจากนี้ Moody’s และ S&P ยังจัดอันดับความน่าเชื่อถือบริษัทที่ Aaa and AA+ ตามลำดับ ทำให้ ST Engineering มีจุดแข็งและมีความน่าสนใจกับการเป็นผู้นำของบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีในการผลิตเครื่องบิน เรือยุทโธปกรณ์ทางทหาร ระบบป้องกัน ความปลอดภัยทางไซเบอร์ร่วมถึงระบบ Smart City ต่าง ๆ เพื่อจัดการและการดูแลเมืองให้มีประสิทธิภาพ พร้อมรับถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น
สำหรับ DR ที่มีความน่าสนใจอีกตัวทางเทคโนโลยีอุตสาหกรรมที่หยวนต้าเปิดให้คนไทยได้ลงทุนคือ DR : VENTURE19 อ้างอิงหุ้น Venture Corporation Limited มีกำหนดเข้าซื้อขายใน SET วันที่ 27 ก.พ. นี้ ชูจุดแข็ง “รายได้-กำไร-การเติบโตที่ก้าวกระโดด” โดย ในปี 65 บริษัทมีรายได้ 3.86 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 24.33% จากปีก่อนหน้า อีกทั้งบริษัทยังคงจ่ายปันผลสม่ำเสมอ 5.6% ต่อปี
Venture Corporation Limited มีจุดแข็งที่เหนือกว่าทางด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรมทางการแพทย์ที่มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง เครื่องมือในการปฏิบัติการในห้องทดลอง เครื่องตรวจสอบสารพันธุกรรม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ชิ้นในการผลิต Semi-conductor ระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติในอุตสาหกรรมการผลิต รวมถึงอุปกรณ์ IoT, 5G เป็นต้น โดยมีคู่ค้ามากกว่า 100 บริษัททั่วโลก
แม้ว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากความต้องการคอมพิวเตอร์ PCs ที่ลดลงหลังวิกฤต CO-VID19 แต่อุตสาหกรรม Semi-Conductor ก็ยังคงเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนสำคัญสำหรับขับเคลื่อนอุตสาหกรรมในอนาคตอย่าง S-Curve Industry เช่น AI, IoT และระบบ Cloud Computing ที่ยังมีความต้องการมากขึ้นในปัจจุบัน
บล.หยวนต้า คาดว่า การเพิ่ม DR ใหม่ทั้ง 2 ตัวนี้ จะเป็นการขยายตลาดตราสารแสดงสิทธิ (Depository Receipt) โดยเฉพาะ DR ที่อ้างอิงหุ้นในสิงคโปร์ เพื่อเชื่อมโยงการลงทุนระหว่างไทยกับสิงคโปร์ และเป็นตัวช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับนักลงทุนไทย พร้อมทั้งช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงทางเลือกการลงทุนที่หลากหลายในด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยในอีกรูปแบบหนึ่ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.พ. 67)
Tags: ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ, หยวนต้า