นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 66 มีกำไรสุทธิ 11,094 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 724 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.0% จาก EBITDA ที่เพิ่มขึ้น 598 ล้านบาท จากปริมาณขายน้ำมันเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของทั้งประเทศไทยและต่างประเทศในภูมิภาค รวมทั้งการกลับมาของภาคท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยานเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม จากราคาจำหน่ายน้ำมันที่ลดลงตามราคาตลาดโลกที่มีระดับต่ำกว่า ส่งผลให้รายได้ขายและบริการลดลง 20,651 ล้านบาท มาที่ 769,785 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงาน กลุ่มธุรกิจ Mobility ยังคงแข็งแกร่ง มีกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรเติบโตขึ้นเล็กน้อย แม้ว่ากลุ่มธุรกิจ Global มีกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรโดยรวมจะอ่อนตัวลงตามสภาวะตลาดก็ตาม นอกจากนั้น กลุ่มธุรกิจ lifestyle สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ OR มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.92 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 65 อยู่ที่ 7.0%
ในปี 66 ที่ผ่านมา OR ได้เปิดตัว พีทีที สเตชั่น แฟลกชิป วิภาวดี 62 ต้นแบบสถานีบริการในอนาคตที่ครบครันทั้งด้านบริการที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการและทุกไลฟ์สไตล์ และสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดในการดำเนินธุรกิจของ OR ที่พร้อมสร้างโอกาสให้ผู้คน ชุมชน สิ่งแวดล้อม เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ตามแนวคิด SDG ในแบบของ OR ในทุกมิติ และได้ผลักดันการสร้างยอดขายและกำไรในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม Energy Solution เช่น น้ำมันอากาศยานที่มีแนวโน้มยอดจำหน่ายสูงขึ้นจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว
ส่วนกลุ่มธุรกิจ Global นั้น OR ยังคงมุ่งแสวงหาพันธมิตรที่มีศักยภาพเพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจร่วมกันในการขยายธุรกิจในต่างประเทศ และเพิ่มความหลากหลายในการดำเนินธุรกิจ โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา ได้จับมือกับพันธมิตร เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น เปิดร้านสะดวกซัก “อ๊อตเทริ วอชแอนด์ดราย” สาขาแรกในประเทศกัมพูชา เป็นไปตามหนึ่งในกลยุทธ์ของ OR ในการผลักดัน SMEs ไทยที่ OR เข้าลงทุนได้ไปเติบโตในต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังได้ขยายสาขา Cafe Amazon ในประเทศญี่ปุ่น และมาเลเซีย อีกทั้งยังเปิด Cafe Amazon Concept Store แห่งแรกในต่างประเทศ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว
ด้านการดูแลชุมชน OR ได้พัฒนาโครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน เพื่อช่วยส่งเสริมเกษตรกรในพื้นที่ได้มีองค์ความรู้ในการประกอบอาชีพอย่างยั่งยืน รวมทั้งยังได้เปิดโรงแปรรูปเมล็ดกาแฟคาเฟ่ อเมซอน ที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ เป็นจุดรับซื้อผลผลิตเมล็ดกาแฟกะลาอะราบิกาในพื้นที่ภาคเหนือจากเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟโดยตรงในราคาที่เป็นธรรม รวมทั้งช่วยพัฒนาทักษะความรู้ให้เกษตรกร พร้อมช่วยแก้ไขปัญหาในกระบวนการปลูก การผลิต และการแปรรูปกาแฟอย่างครบวงจร เพื่อให้ได้ผลผลิตกาแฟมีคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมตามวิสัยทัศน์ Empowering All toward Inclusive Growth หรือเติมเต็มโอกาสเพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน
ในปี 67 OR ยังคงมุ่งเน้นการสร้างความแข็งแรงของธุรกิจหลัก (Core Business) เพื่อเป็นฐานสำหรับการเติบโตในอนาคต ในปีนี้ มีแผนรุกธุรกิจ Health & Beauty เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกด้านสุขภาพและความงาม สร้างโอกาสและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ภายใต้ความร่วมมือที่สำคัญระหว่างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญทั้งในและต่างประเทศเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในด้านไลฟ์สไตล์
อีกทั้งยังเตรียมเดินหน้าโครงการคาเฟ่ อเมซอน ปาร์ค ที่ จ. ลำปาง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ value chain ของคาเฟ่ อเมซอน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และสร้าง ecosystem ของคาเฟ่ อเมซอนให้ยั่งยืน และจะถือเป็นตัวอย่างหนึ่งของการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของ OR ที่ถูกผนวกเข้าไปกับการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่กลยุทธ์ แผนปฏิบัติการและเป้าหมายธุรกิจ และได้นำไปสู่การลงมือปฏิบัติจริงอย่างเป็นรูปธรรมตามแนวคิด OR SDG In Action
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.พ. 67)
Tags: OR, ดิษทัต ปันยารชุน, ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก, หุ้นไทย