นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่ยังส่งผลกระทบต่อพื้นที่ภาคเหนือ กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยข้อมูลจากศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ เมื่อช่วงเช้า พบว่า บริเวณภาคเหนือ มีปริมาณฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 26.3-75.9 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และบริเวณกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ตรวจวัดโดยสถานีตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับกรุงเทพมหานคร มีปริมาณฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 46.3-77.2 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร
โดยทั้ง 2 พื้นที่ดังกล่าว มีค่าคุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม) และในภาพรวมพบว่าปริมาณฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกด้วย เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีน ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว
ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล และภาคตะวันออก มีอากาศเย็นในตอนเช้า และลมระดับล่างอยู่ในระดับกำลังอ่อน อากาศจมตัว ลักษณะดังกล่าว ส่งผลให้ฝุ่นละอองที่อยู่ในอากาศไม่สามารถลอยตัว ระบายผ่านชั้นอุณภูมิผกผัน (inversion) ไปสู่ชั้นบรรยากาศได้ และยังมีความหนาแน่นในช่วงสัปดาห์นี้
นายสุพิศ กล่าวว่า นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ มีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้สั่งการและกำชับให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ระดมกำลังปฏิบัติการฝนหลวง และปฏิบัติการดัดแปรสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกรมฯ โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.เชียงใหม่ นครสวรรค์ ระยอง และประจวบคีรีขันธ์ มีการติดตามสภาพอากาศและวางแผนการทำงานเป็นประจำทุกวัน โดยเทคนิคที่ใช้ในภารกิจบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก มีจำนวน 3 เทคนิค ได้แก่
1. การปฏิบัติการฝนหลวงในขั้นตอนการก่อกวน โดยใช้สารฝนหลวงสูตร 1 (โซเดียมคลอไรด์) ปฏิบัติการบริเวณต้นลม และโดยรอบมวลของฝุ่นบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อก่อเมฆและเพิ่มปริมาณเมฆในพื้นที่เป้าหมาย
2. การปฏิบัติการฝนหลวงในขั้นตอนการเลี้ยงให้อ้วน โดยใช้สารฝนหลวงสูตร 8 แคลเซียมออกไซด์ หรือสูตร 6 แคลเซียมคลอไรด์ ปฏิบัติการบริเวณต้นลม และโดยรอบมวลของฝุ่นบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลมากที่สุด เพื่อเลี้ยงเมฆให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีแรงดูดซับฝุ่นละออง
3. การปฏิบัติการเทคนิคการลดอุณหภูมิชั้นบรรยากาศผกผัน โดยการโปรยน้ำแข็งแห้งหรือการสเปรย์น้ำ เพื่อระบายฝุ่นละอองบริเวณระดับ inversion (ชั้นอุณหภูมิผกผัน) หรือสูงกว่าระดับ inversion (ชั้นอุณหภูมิผกผัน) เพื่อทำให้เกิดช่องระบายฝุ่นละอองขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศด้านบน
สำหรับผลปฏิบัติการด้วย 3 เทคนิคที่ผ่านมา ช่วงระหว่างวันที่ 3-12 ก.พ. 67 พบว่า หลังปฏิบัติการ ปริมาณฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีแนวโน้มลดลง รวมถึงมีฝนตกบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง ได้แก่ บริเวณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี อ.วังจันทร์ จ.ระยอง
โดยช่วงสัปดาห์นี้ จะติดตามสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง หากสภาพอากาศเหมาะสม และเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวงหรือการดัดแปรสภาพอากาศ จะวางแผนบินปฏิบัติการช่วยเหลือทันที
อย่างไรก็ตาม กรมฯ ได้เฝ้าระวังและติดตามปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก รวมทั้งการระดมสรรพกำลัง อากาศยาน และจัดให้มีหน่วยปฏิบัติการเพื่อการดัดแปรสภาพอากาศ ตั้งแต่ช่วงปลายปี 66 เป็นต้นมา (24 ธ.ค. 66) เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนทั้งในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล พื้นที่ภาคเหนือ และภาคกลาง ที่เริ่มมีผลกระทบทั่วประเทศอีกด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ก.พ. 67)
Tags: ฝนหลวง, ฝุ่น PM 2.5, ฝุ่นพิษ, ฝุ่นละออง, มลพิษทางอากาศ, สุพิศ พิทักษ์ธรรม