กรณีมีสื่อต่างประเทศรายงานว่า บมจ.การบินไทย (THAI) ได้สั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 787 จำนวน 45 ลำ โดยมีความเป็นไปได้ที่จะขยายข้อตกลงขึ้นเป็น 80 ลำ เพื่อรองรับอุปสงค์การเดินทางระหว่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้ THAI อยู่ในระหว่างการฟื้นฟูกิจการ ผู้บริหารแผนฯ จึงเป็นผู้ดำเนินการ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคม ไม่มีอำนาจเข้าไป ทำได้แค่เพียงสอบถาม ส่วนเรื่องความคุ้มค่าในการลงทุนครั้งนี้กระทรวงคมนาคมมีความเป็นห่วงอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ THAI ล้มละลาย ซึ่งกำลังอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการ รัฐบาลและกระทรวงคมนาคมจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แม้จะอยากแสดงความคิดเห็นแต่ไม่มีอำนาจ เรื่องนี้เป็นอำนาจของคณะกรรมการแผนฟื้นฟู
“เห็นในโซเชียลมีเดียบอกว่าเป็นคนอนุมัติจัดซื้อเครื่องบินฝูงใหม่นี้ มันตรงกันข้ามเลย ถ้าผมมีอำนาจ ผมจะหยุดไว้ก่อนเพื่อดูว่าคุ้มทุนหรือไม่ แต่ผมไม่มีอำนาจ” นายสุริยะ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แผนจัดซื้อเครื่องบินรุ่นใหม่นั้นเป็นเรื่องที่ต้องให้ความเป็นธรรมกับ THAI เครื่องบินเก่าที่จอดแช่อยู่ส่วนใหญ่เป็นแอร์บัส A 380 ตอนนั้นราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นมา การนำเครื่องบินลำใหญ่มาให้บริการจึงไม่คุ้มค่าจึงได้หยุดบินให้บริการไป
สิ่งที่ควรทำในตอนนั้นคือ ต้องรีบขายหรือเปลี่ยนเป็นเครื่องบินที่มีขนาดเล็กลงเหมือนสายการบินอื่น แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าประธานเจ้าหน้าที่บริหาร THAI คนปัจจุบันจะดำเนินการอย่างไร และถ้าจะขายตอนนี้ก็ได้เพียงเป็นชิ้นส่วนหรือเศษเหล็กแล้ว
นายสุริยะ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมต้องการทำตามนโยบายรัฐบาลที่จะผลักดันให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ขณะนี้มีความเป็นห่วงเรื่องการบริหารจัดการกระเป๋าภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งทราบปัญหาจากสายการบินต่างๆ ว่ามีความไม่สบายใจเกี่ยวกับระบบขนส่งกระเป๋าภายในสนามบิน ช่วงที่ตนเป็น รมว.คมนาคม ครั้งที่แล้ว ได้ให้สัมปทานบริหารจัดการกระเป๋าแก่ THAI โดยไม่ต้องประมูลเพราะขณะนั้นเป็นรัฐวิสาหกิจ พร้อมกับเอกชนอีกรายหนึ่ง ตนจึงได้สอบถามกับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร THAI ซึ่งได้รับคำยืนยันว่า ไม่มีปัญหาดังกล่าว จึงจัดให้มีการประชุมระหว่างสายการบินกับ THAI เพื่อรับฟังความเห็นทั้งสองฝ่าย ซึ่งทางสายการบินต่างๆ ยืนยันว่า บุคลากรไม่เพียงพอ อุปกรณ์ในการขนส่งกระเป๋าก็ไม่เพียงพอ มีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จึงขอให้ THAI ไปปรับปรุง หากไม่ปรับปรุงกระทรวงคมนาคมอาจมีการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ทั้งนี้ ตามสัญญาระบุว่าหากไม่สามารถดำเนินการได้ตามข้อกำหนดก็มีสิทธิ์จะยกเลิกสัญญาสัมปทานดังกล่าว โดยขณะนี้เข้าใจว่าสัมปทานดังกล่าวยังเหลือระยะเวลาอีก 10 กว่าปี และตรงนี้ก็เป็นปัญหาหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีได้เห็นในการลงพื้นที่สุวรรณภูมิ
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยว่า เตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องมาหารือ เพราะทางการบินไทยเขามีสิทธิ์ เนื่องจากเขาเป็นผู้วางแผน
“เดี๋ยวจะต้องมาพูดคุยกัน ตอนนี้เป็นความซับซ้อนของเรื่องกฎหมาย เพราะทางการบินไทยเขามีสิทธิ์ เนื่องจากเขาเป็นผู้วางแผน ซึ่งผมก็มั่นใจว่าการบินไทยมีความหวังดีกับประเทศชาติ เราก็ต้องไปดูว่าจะสอดคล้องกับนโยบายอย่างไรบ้าง” นายเศรษฐา กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ก.พ. 67)
Tags: THAI, การบินไทย, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, หุ้นไทย