นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม พร้อมด้วย นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาการให้บริการของผู้ประกอบการให้บริการภาคพื้นของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ร่วมกับบริษัทผู้ประกอบการให้บริการภาคพื้น ผู้ประกอบการสายการบิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายสุริยะ กล่าวว่า วันนี้ได้เชิญผู้ประกอบการสายการบิน ผู้ให้บริการภาคพื้น คณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบินกรุงเทพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาหารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาการให้บริการภาคพื้น ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับข้อร้องเรียนจากนักธุรกิจ และสายการบินว่าไม่ได้รับความสะดวก
ปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีผู้ประกอบการให้บริการภาคพื้น จำนวน 2 บริษัท คือ บมจ. การบินไทย (THAI) หรือ บกท. และบริษัท Bangkok Flight Services (BFS) รวมทั้งได้ฟังปัญหาจากทุกฝ่าย รวมทั้งผู้แทนสายการบินที่ใช้บริการภาคพื้นจาก บกท. ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกัน พบปัญหาอุปกรณ์ที่นำมาให้บริการไม่เพียงพอส่งผลให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัย รวมทั้งปัญหาด้านบุคลากรมีการลาออกบ่อย และบุคลาการที่เข้ามาปฏิบัติงานแทนไม่ได้คุณภาพตามมาตรฐาน
อีกหนึ่งปัญหาที่พบ คือ หลุมจอดเครื่องบินที่มีสะพานเทียบอยู่ติดกับอาคารที่พักผู้โดยสาร (Contact Gate) มีจำนวนไม่เพียงพอ ซึ่งเกิดจากมีการซ่อมในทางขับ (taxiway) เพื่อให้มีความปลอดภัยตามมาตรฐาน สำหรับปัญหาหลุมจอดไม่เพียงพอ มีแนวทางการแก้ปัญหาโดยให้สายการบินไปใช้อาคารเทียบเครื่องบินรอง หลังที่ 1 หรืออาคาร SAT-1ซึ่งสายการบินมีความกังวลเรื่องระบบการจัดการสัมภาระ จึงได้มอบให้ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. และผู้ประกอบการให้บริการภาคพื้น หารือร่วมกันถึงแนวทางแก้ปัญหา และพิจารณาหาข้อสรุปในการย้ายไปใช้อาคาร SAT-1 ภายใน 2 สัปดาห์และรายงานให้กระทรวงฯ ทราบ โดยเน้นย้ำทุกเที่ยวบินต้องเข้าใช้งานหลุมจอด
ปัจจุบันอาคาร SAT-1 มีเที่ยวบินใช้บริการ 82 เที่ยวบินต่อวัน ซึ่ง ทอท. มีเป้าหมายผลักดันสายการบินให้ใช้บริการ เพิ่มขึ้นเป็น 200 เที่ยวบินต่อวัน โดยเพิ่มสัปดาห์ละ 25 เที่ยวบินต่อวัน ภายใน 1 เดือนจะมีการเพิ่มเที่ยวบินอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งอาคาร SAT-1 จะมีหลุมจอดเพียงพอที่จะรองรับเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า จากนี้มีการประเมินคุณภาพการให้บริการ THAI เป็นรายเดือน ว่ามีการดำเนินการปรับปรุงการให้บริการและแก้ไขปัญหาอย่างไร หากไม่ปรับปรุงการให้บริการภาคพื้นดีขึ้น และกระทรวงฯ ยังได้รับเรื่องร้องเรียนด้านการให้บริการที่ไม่เพียงพอตามความต้องการของสายการบินอื่นอาจมีการยกเลิกสัญญากับ THAI สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น กรณีที่ผู้ประกอบการทั้ง 2 บริษัท ไม่มีความพร้อมในการให้บริการภาคพื้นได้เพียงพอ จะให้บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOTGA) เข้ามาช่วยดำเนินการให้บริการภาคพื้นเป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ประกอบการทั้ง 2 บริษัทก่อน ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหานี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารได้รับความสะดวก รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับการจัดหาผู้ร่วมลงทุนบริการภาคพื้นรายใหม่ ซึ่งเป็นรายที่ 3อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ในเดือนเมษายน 2567
นายสุริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคนั้น ซึ่งการทำให้ไปถึงเป้าหมายจะต้องมีการดำเนินงานหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่วนหนึ่งคือความพร้อมของสนามบิน ระบบจัดการสัมภาระ และกระบวนการให้บริการภาคพื้นต่าง ๆ ซึ่งการเร่งแก้ปัญหาเหล่านี้ และการปรับปรุงการให้บริการเพิ่มประสิทธิภาพของสนามบินในการรองรับเที่ยวบินและผู้โดยสาร จะทำให้มีเที่ยวบินมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้น เชื่อมั่นว่าจะทำให้ประเทศไทยสามารถเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค และกลับมาอยู่ในอันดับ 20 ของสนามบินที่ดีที่สุดได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.พ. 67)
Tags: AOT, กระทรวงคมนาคม, สนามบินสุวรรณภูมิ, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ