บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) จัดกลุ่มธุรกิจคอนโดให้อยู่ภายใต้ บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด พร้อมเปิดแผนงานหลักปี 67 วางเป้ายอดขายคอนโดมิเนียมในเครือ ORI ทั้งหมด 3.6 หมื่นล้านบาท สูงขึ้นจากปี 66 ที่ทำยอดขาย 3.47 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะทำยอดโอน 1.8 หมื่นล้านบาท โดยมีกำหนดโอนโครงการคอนโดสร้างเสร็จในปีนี้ 10 โครงการ มูลค่ารวม 1.2 หมื่นล้านบาท
พร้อมกันนั้น บริษัทจะเปิดโครงการใหม่อีก 14 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท เป็นโครงการร่วมทุน 4-8 โครงการ ซึ่งจะเป็นของพันธมิตรญี่ปุ่นรายเดิม คือ โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ 3 โครงการ และจะมีพันธมิตรใหม่เข้ามาเพิ่มอีก ส่วนความร่วมมือกับ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PSH) เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ ยังไม่ได้กำหนดแผนงานออกมาในขณะนี้
ครึ่งปีแรกบริษัทนำร่องเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการ 9.68 พันล้านบาท แบ่งเป็นทำเลกรุงเทพฯและปริมณฑล 3 โครงการ ได้แก่ ออริจิ้น เพลส แจ้งวัฒนะ, ออริจิ้น เพลส เตาปูน อินเตอร์เชนจ์, ดิ ออริจิ้น เศรษฐบุตร สเตชั่น ทั้ง 3 โครงการเป็นคอนโดมิเนียมที่เลี้ยงสัตว์ได้ภายใต้แนวคิด Origin Pet Family Condo ตอกย้ำฐานะผู้นำอันดับ 1 Pet Lover Condo ที่มีฟังก์ชันที่ผ่านการวิจัยและความร่วมมือกับพันธมิตร ตอบสนองความต้องการและคุณภาพชีวิตของทั้งคนและสัตว์เลี้ยง
ส่วนโครงการในต่างจังหวัด จะเปิดโครงการใหม่ในภูเก็ต 2 โครงการ ได้แก่ โซ ออริจิ้น บางเทา บีช และ ออริจิ้น เพลส เซ็นเตอร์ ภูเก็ต
นายเกรียงไกร กรีบงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมถือเป็นกลุ่มธุรกิจแรกและกลุ่มธุรกิจหลักของเครือ ORI ที่มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทปรับโครงสร้างธุรกิจคอนโดมิเนียมภายใต้ 3 บริษัท ได้แก่ ออริจิ้น คอนโดมิเนียม เป็นผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล, ออริจิ้น เนชั่นวายด์ เป็นผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมในจังหวัดเศรษฐกิจและจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ และ บริษัท พาร์ค ลักชัวรี่ จำกัด เพื่อทำให้การทำงานในการพัฒนาคอนโดมิเนียม การบริหารจัดการ การบริการลูกค้า และการสื่อสารกับลูกค้าไม่เกิดความสับสน และทำให้มีประสิทธิภาพในการบริหารงานต่างๆดีขึ้น ซึ่งธุรกิจคอนโดมิเนียมยังถือเป็นสัดส่วนรายได้หลักของ ORI ที่กว่า 40-50% ของรายได้รวม
“ORIGIN VERTICAL เป็นการยกระดับการบริหารของกลุ่มคอนโด ให้เราสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย สร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า และเพื่อให้ง่ายต่อการสื่อสารและการจดจำของผู้บริโภค โดยโครงการใหม่ๆที่จะพัฒนาต่อจากนี้จะพัฒนาภายใต้ ORIGIN VERTICAL เท่านั้น” นายเกบียงไกร กล่าว
อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างของกลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมยังคงไม่ได้วางแผนในการ Spin-off ธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยที่ในช่วง 4-5 ปีนี้ ยังไม่มีแผนดังกล่าว แม้ว่าทาง ORI ส่งบริษัทในเครือเข้าตลาดไปแล้ว 2 บริษัท คือ บมจ.บริทาเนีย (BRI) และบมจ.พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น (PRI) รวมถึง บมจ.วัน ออริจิ้น (ONEO) ที่อยู่ระหว่างการเตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
แหล่งเงินทุนของออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น มาจาก ORI สินเชื่อจากสถาบันการเงิน ที่จะรองรับการซื้อที่ดินและการพัฒนาคอนโดมิเนียม ซึ่งบริษัทยังมีที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการได้อีก 2-3 ปี และในปี 67 วางงบซื้อที่ดินไว้ที่ 3 พันล้านบาท
บริษัทมองว่าภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปี 67 จะฟื้นตัวขึ้ จากความต้องการที่พักอาศัยใกล้เมือง ใกล้ที่ทำงาน และเดินทางสะดวก ประกอบกับ ลูกค้าชาวต่างชาติกลับมามากขึ้น โดยเฉพาะคอนโดในหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และพัทยา เป็นต้น แต่ยังมีความท้าทายจากความผันผวนของเศรษฐกิจ และกำลังซี้อของคนกลุ่มล่างอยู่บ้าง รวมทั้งมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ออกมา ดังนั้น ช่วงครึ่งปีแรกบริษัทจะเน้นแบรนด์ระดับราคา 2 ล้านกลางๆ เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะตลาด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.พ. 67)
Tags: ORI, คอนโดมิเนียม, ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้