นายดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าขับเคลื่อนผลการดำเนินงานปี 67 ให้เติบโตต่อเนื่องจากปี 66 คาดว่าแนวโน้มกำไรจะยังทำ New high ต่อจากปีก่อนที่มีกำไรจากการดำเนินงานเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ (New high) ที่ 7.7 พันล้านบาท ตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและธุรกิจร้านอาหาร หลังผู้คนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติเมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย
ภาพรวมของปี 67 สิ่งที่ MINT ยังคงให้ความสำคัญ คือ การเพิ่มจำนวนยอดใช้จ่ายต่อหัวของลูกค้า (Spending) เพื่อเพิ่มความสามารถการสร้างรายได้และการทำกำไรควบคู่กันไป นอกเหนือจากที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวขึ้น คาดว่าปีนี้ภาคการท่องเที่ยวจะเห็นความคึกคักทั้งในไทยที่ประเมินจำนวนนักท่องเทื่ยวมากกว่า 35 ล้านคน จากปีก่อน 20 กว่าล้านคน และนักท่องเที่ยวในยุโรปก็น่าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจัยที่ MINT ให้ความสำคัญ คือ การทำให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทั้งในโรงแรมและร้านอาหาร เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจในกลุ่ม
แนวโน้มธุรกิจโรงแรมในปี 67 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากรายได้ห้องพักในเดือน ม.ค.67 รวมทั้งยอดจองห้องพักล่วงหน้าในเดือนก.พ.และมี.ค. 67 ในไทยสูงกว่าปีก่อน 39% มาจากฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศไทย และได้แรงหนุนจากเทศกาลตรุษจีน ขณะที่รายได้ห้องพักโรงแรมในยุโรปเพิ่มขึ้น 20% เนื่องจากต้นปีอากาศในยุโรปไม่ได้หนาวมากและขณะนี้อุ่นขึ้น ทำให้การท่องเที่ยวคึกคัก คาดว่าจะเห็นการเติบโตที่สูงขึ้นต่อเนื่องในช่วง Summer ซึ่งเป็น High Season ของยุโรป
กลยุทธ์ของธุรกิจโรงแรมจะมีการ Repositioning และ Rebranding ตามแผนงาน เพื่อทำให้ MINT มีสัดส่วนของ Asset light มากขึ้น โดยเฉพาะโรงแรมในยุโรปที่จะมีการยกระดับแบรนด์ให้สูงขึ้น ซึ่งในปี 66ได้ Repositioning และ Rebranding โรงแรมไปแล้ว 50 แห่ง และปี 67 จะมีอีก 28-30 แห่ง ใช้เงินลงทุนราว 50-60 ล้านยูโร ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อวันของโรงแรมให้เพิ่มขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ และจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้สัดส่วนของ Asset light เพิ่มขึ้นเป็น 40% ใน 3 ปีตามเป้าหมาย จากปัจจุบันอยู่ที่ 18%
อย่างไรก็ตาม MINT วางงบลงทุนรวมในปี 67 ไว้ที่ 1-1.3 หมื่นล้านบาท โดยที่จะใช้กับธุรกิจโรงแรมเป็นหลัก โดยเฉพาะการขยายและปรับปรุงโรงแรม โดยเฉพาะโรงแรมในยุโรปที่จะ Up scale เป็นจำนวนมาก ส่วนธุรกิจร้านอาหารยังคงมีการขยายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในต่างประเทศ แบรนด์ Sizzler, The Coffee Club, The Pizza Company ในเวียดนามและสิงคโปร์
รวมถึงขยายสาขาใหม่ Dairy Queen ในอินโดนีเซีย เพิ่มเป็น 10 เท่าใน 3 ปี จากปัจจุบัน 12 สาขา รวมถึงการนำแบรนด์ GAGA ไปเปิดในอินโดนีเซีย หนุนการเติบโตของธุรกิจร้านอาหารในกลุ่มศอาเซียน และการปรับปรุงแบรนด์ Swensens ในคอนเซ็ปต์ใหม่ที่มีความทันสมัยมากขึ้น ซึ่งทั้งแบรนด์ Dairy Queen และ Swensens ทำผลงานได้ดีที่สุดในกลุ่มร้านอาหาร
ประกอบกับ การมองหาโอกาสในตลาดใหม่ในอินเดียที่มีจำนวนประชากรเยอะและมีศักยภาพในการเติบโต
MINT วางเป้าหมายช่วง 3 ปี (ปี 67-69) ลงทุน 3 หมื่นล้านบาท รายได้เติบโตเฉลี่ย 8-10% ต่อปี และจะเพิ่มกำไรเฉลี่ย 15-20% ต่อปี โดยที่จะต้องสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ไม่ต่ำกว่า 10% ซึ่งตามแผนจะเพิ่มจำนวนโรงแรมใหม่เป็น 780 แห่ง จากปัจจุบัน 532 แห่ง เน้นการขยายในต่างประเทศเป็นหลัก สัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรม 90% จะมาจากโรงแรมในต่างประเทศ และ 10% จะมาจากโรงแรมในไทย พร้อมเพิ่มจำนวนร้ารอาหารเป็น 3,700 สาขา จากปัจจุบัน 2,600 สาขา สัดส่วนรายได้จากร้านอาหารในไทย 60% และต่างประเทศ 40% ส่วนธุรกิจ Lifestyle ได้ปรับโครงสร้างเข้าไปในธุรกิจโรงแรมแล้ว ทำให้ไม่ได้มีการแยกสัดส่วนธุรกิจออกมา
บริษัทยังวางแผนลดส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Net Debt to EBITDA) ให้เหลือ 4.3 เท่าภายใน 3 ปี จากปัจจุบันที่ 6 เท่า บริษัทยังคงเดินหน้าไนการลดหนี้ต่อเนื่องเพื่อทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง ช่วยหนุนกำไรของบริษัท โดยในสิ้นปี 67 จะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลงมาที่ 0.8 เท่า จากปี 66 ที่ 1 เท่า ซึ่งจะลดหนี้ให้เหลือ 9 หมื่นล้านบาท จาก 1 แสนล้านบาท รวมถึงจะมีการขายสินทรัพย์บางรายการและเช่ากลับมา ซึ่งจะทำให้หนี้สินลดลง และหนุนต่อมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น
แนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 1/67 ยังมี Momentum ที่ดีต่อเนื่อง ทั้ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารที่สามารถทำได้ตามเป้าที่บริษัทวางไว้ และยังคาดหวังผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 ที่จะยังมี Momentum ที่ดีเช่นกัน เนื่องจากเป็นฤดูร้อนของไทย และมีเทศกาลที่สำคัญ โดยเฉพาะสงกรานต์ หนุนธุรกิจโรงแรมก่อนเข้า Low season ส่วนธุรกิจร้านอาหารยังสามารถสร้างยอดขายที่แข็งแกร่งต่อเนื่องจากปลายปี 66 ซึ่งบริษัทยังคงทำแคมเปญต่างๆ เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดต่อเนื่อง ทำให้ร้านอาหารในเครือ MINT มีรายได้และกำไรดีขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.พ. 67)
Tags: MINT, ดิลิป ราชากาเรีย, หุ้นไทย, ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล