NL เคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 2.60 บาท P/E 8.44 เท่า เปิดจอง 12-14 ก.พ.นี้

บมจ.เอ็นแอล ดีเวลลอปเมนต์ (NL) กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 130,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ราคาเสนอขายหุ้นละ 2.60 บาท รวมมูลค่าเสนอขาย 338 ล้านบาท ระยะเวลาจองซื้อวันที่ 12-14 ก.พ.67 จากนั้นจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (PROPCON) / บริการรับเหมาก่อสร้าง (CONS) โดยมีบริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

NL ประกอบกิจการให้บริการสำรวจ ออกแบบ และก่อสร้างงานอาคารทุกประเภท รวมทั้งการติดตั้งงานระบบวิศวกรรมต่างๆ วัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งนี้ ไปใช้เป็นเงินทุนในการซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ก่อสร้างใหม่ สำหรับใช้ในงานโครงการก่อสร้างที่ยังไม่ได้ส่งมอบและงานโครงการก่อสร้างใหม่ในอนาคต 50 ล้านบาทและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ 268.74 ล้านบาทภายในปี 67

การกำหนดราคาของหุ้น IPO ทำโดยการประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ด้วยวิธีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (Price to Earnings Ratio : P/E) ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้นละ 2.60 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิเท่ากับ 8.44 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65-30 ก.ย.66 ซึ่งมีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 154.10 ล้านบาท และ คำนวณจากจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 500 ล้านหุ้น (Fully diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นประมาณ 0.31 บาทต่อหุ้น

นางสาววีรยา ศรีวัฒนะ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บล. ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 2.60 บาทต่อหุ้น เป็นราคาที่เหมาะสม สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่ง รวมถึงมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านรายได้และความสามารถในการทำกำไร จึงมั่นใจว่า NL จะเป็นหลักทรัพย์ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน

NL แต่งตั้งให้ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) , บล.บียอนด์ และ บล.เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ เป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้น IPO คาดเข้าเทรดบนกระดาน SET ภายในเดือนก.พ. 67

นายศรันย์ โรจน์เลิศจรรยา กรรมการผู้จัดการ NL กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 67 คาดทำ New High ต่อเนื่อง หลังจากได้เงินระดมทุนไปใช้ในการซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ก่อสร้าง และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ส่งผลให้บริษัทสามารถขยายศักยภาพในการดำเนินงานและรับงานที่มีขนาดและมูลค่ามากขึ้น

บริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ 30 ก.ย. 66 มูลค่า 2,107.25 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในระหว่างการดำเนินงาน โดยเฉพาะโครงการโรงพยาบาลเอกชน และมีโครงการงานเอกชนเพิ่มเข้ามามากขึ้น จากความเสี่ยงผิดนัดชำระที่ลดลง และงบลงทุนภาคเอกชนเริ่มกลับมา ทั้งนี้ งวด 9 เดือนปี 66 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากหน่วยงานราชการ 67.94% เอกชน 18.29% และรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานรัฐประเภทอื่น ๆ 13.77%

สำหรับแผนการขยายกลุ่มลูกค้าในอนาคต ยังมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าหน่วยงานภาครัฐหรือกลุ่มที่ใช้งบประมาณแผ่นดิน เพราะลักษณะงานของบริษัทวนใหญ่เป็นโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ สัดส่วนลูกค้ากลุ่มนี้อยู่ที่ 60-70% ขณะที่กลุ่มเอกชนและหน่วยงานอื่น ๆ อยู่ที่ราว 30-40% แต่สัดส่วนรายได้จะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์เศรษฐกิจ ขณะที่งานโครงการยังคงเน้นสถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นหลัก เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นสอดรับกับเมกะเทรนด์ด้าน Health care ขณะเดียวกันก็มีการกระจายความเสี่ยงในการรับงานประเภทอื่นบ้าง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.พ. 67)

Tags: , , ,
Back to Top