สมาคมอสังหาฯ จัดอีเว้นท์ใหญ่มหกรรมบ้าน-คอนโดกระตุ้นความคึกคักเล็งกวาดยอดขายกว่า 4 พันลบ.

นายภูมิภัทร พรหมมา ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 กล่าวว่า ภาพรวมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 ทางสมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร มั่นใจว่าจากกระแสตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 1/67 ยังเป็นช่วงโอกาสดีสำหรับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย โดยคณะกรรมการจัดงานได้จับมือกระตุ้นความคึกคักให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย

ในปีนี้เน้นคอนเซปต์ “Property Solutions ทางเลือกเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น” เพื่อเป็นการยกระดับและสร้างมุมมองใหม่ให้กับมหกรรมบ้านและคอนโดที่จะตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกไลฟ์สไตล์ ที่กำลังมองหาซื้อที่อยู่อาศัยในทำเลที่ชอบ รูปแบบโครงการที่ใช่ และฟังก์ชั่นในบ้านหรือคอนโดมิเนียมที่ได้ใช้จริงตามสไตล์ของผู้บริโภคแต่ละเจน โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-24 มี.ค. 67 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

กลุ่มอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะขายดีที่สุดในปีนี้ คือ กลุ่มสินค้าประเภทอาคารชุด และบ้านแนวราบที่มีราคา 7-10 ล้านขึ้นไป ส่วนสินค้าในกลุ่มที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 5 ล้านอาจจะมีผลกระทบจากปัจจัย ทั้งกำลังซื้อที่ยังจำกัดในบางกลุ่ม หนี้ครัวเรือนที่สูง ความเข้มงวดการพิจารณาสินเชื่อของธนาคาร และมาตรการ LTV ที่ยังมีอยู่ แต่เชื่อว่ายังมีโอกาสไปต่อไป เนื่องจากมองภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 67 ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศไทย โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้ว และจะเริ่มทรงตัว

ขณะเดียวกันยังเชื่อว่าภาครัฐจะมีนโยบายหรือมาตรการที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างทั่วถึงในทุกกลุ่มเพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยให้คึกคักมากขึ้นสำหรับต้นปีนี้อย่างแน่นอน อีกทั้งปัจจัยสภาพการณ์ภายนอกประเทศ อาทิ ภาวะดอกเบี้ย สงครามความขัดแย้ง หรือแม้แต่ภัยพิบัติ อาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้ต่างชาติอยากย้ายเข้ามาอยู่อาศัยในเมืองไทยเพิ่มขึ้นในปีนี้

งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 ถือเป็นอีเวนท์ใหญ่ที่สุดของวงการอสังหาริมทรัพย์เปิดปีมังกรทอง โดยใช้งบประชาสัมพันธ์ประมาณกว่า 20 ล้านบาท คาดว่าจะมีผู้ประกอบการมาร่วมออกบูธภายในงานกว่า 150 บริษัท รวมมากกว่า 1,000 โครงการจากทั่วประเทศ พร้อมโปรโมชั่นอัดแน่นจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และสถาบันการเงินต่างๆ ตั้งเป้าหมายผู้เข้าร่วมงานตลอดทั้ง 4 วันราว 50,000-80,000 คน สามารถสร้างยอดขายภายในงานกว่า 4 พันล้านบาท

นายวสันต์ เคียงศิริ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า การจัดงานงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 จะเข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ไนช่วงไตรมาส 1/67 ได้อย่างมากในช่วงต้นปีนี้ หลังจากที่เห็นจากการจองบูธของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ที่เข้ามาจองบูธในงานเป็นจำนวนมาก ซึ่ง 3 อันดับแรกที่จองพื้นที่ในงานมากสุด ได้แก่ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) บมจ.แสนสิริ (SIRI)

สะท้อนภาพความเชื่อมั่นของการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดสามารถสร้างยอดขายได้ดี และเป็นพื้นที่ที่ทำให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์สามารถนำโครงการต่างๆมานำเสนอแก่ผู้ที่สนใจซื้อบ้านได้ และมีต้นทุนการจัดงานที่น้อยกว่าการที่ไปจัดงานเองของผู้พัฒนาอสังหาริมารัพย์แต่ละราย ทำให้คาดว่าความคึกคักของงานในต้นปี 67 จะมีมากขึ้น และสามารถทำให้ภาพรวมของยอดขายอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 1/67 ทำสถติสูงสุดได้ในรอบ 5 ปี เนื่องจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะเร่งทำยอดขายในช่วงต้นปีไว้ก่อน จากที่ความไม่แนอนและความผันผวนของเศรษฐกิจและปัจจัยต่างๆยังมีอยู่มาก

อย่างไรก็ตาม ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 67 ยังคงเผชิญกับความท้าทายอยู่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของเศรษฐกิจที่คาดว่าปี 67 ยังเติบโตค่อนข้างต่ำเพียง 1.8% รายได้ครัวเรือนยังจำกัด และหนี้สินครัวเรือนสูง ประกอบกับดอกเบี้ยที่ทรงตัวสูง ทำให้การตัดสินใจซื้อชะลอ และการขอสินเชื่อกับสถลบันการเงินมีความเข้มงวด โดยเฉพาะกลุ่มที่ซื้อที่อยู่อาศัยระดับต่ำกว่า 3 ล้านบาท หรือราคา 4-5 ล้านบาท ก็ยังเป็นกลุ่มที่มีการปฏิเสธสินเชื่ออยู่ค่อนข้างมาก ซึ่งปี 67 กลุ่มระดับราคา 7-10 ล้านบาทขึ้นไปที่มีกำลังซื้อที่สูงและไม่ค่อยได้รับผลกระทบและอ่อนไหวต่อความผันผวนของเศรษฐกิจจะสนับสนุนการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ เห็นได้ว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ เดินหน้าโครงการระดับบนต่อเนื่องในปีนี้

นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยยังคงเป็นรูปแบบ K-shape ซึ่งเป็นภาพเดียวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในตอนนี้ ส่งผลต่อให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มเน้นจับกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง โดยเปิดโครงการบ้านหรูเพิ่มขึ้น และการแข่งขันของผู้พัฒนาอสังหาริมารัพย์รายใหญ่ๆ เริ่มลดลง หันมาจับมือกันมากขึ้นเพื่อช่วยกันสร้างฐานลูกค้าและเพิ่มส่วนแบ่งตลาด (Market share) ร่วมกัน หลังจากที่เห็น 2 ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 2 รายใหญ่ประกาศจับมือร่วมกันในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา

สำหรับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายเล็กในตลาด ยังคงเผชิญกับความท้าทายในแง่ของการขายและการพัฒนาโครงการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท เมื่อภาพของเศรษฐกิจไม่ดี มีการลดชั่วโมงการทำงาน ลดการจ้างงานลง หันมาใช้ระบบ Automation ทดแทนคนมากขึ้น ทำให้กลุ่มลูกค้าหลักของอสังหาริมทรัพย์รายเล็กมีกำลังซื้อลดลง และชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย โครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ใกล้แหล่งอุตสาหกรรมมีบ้านเหลือขายจำนวนมาก โดยเฉพาะในจังหวัดชลบุรี ประกอบกับการเข้าถึงสินเชื่อมารองรับการพัฒนาโครงการที่ยากขึ้น จากสถาบันการเงินที่เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ปี 67 จะเป็นปีที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายเล็กชะลอการเปิดโครงการใหม่มากขึ้น

นายวสันต์ เคียงศิริ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวเสริมว่า ความหวังของภาคอสังหาริมทรัพย์ในการที่จะทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับมาคึกคัก ส่วนหนึ่งยังคาดหวังมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐที่ได้เข้าพบกับนายกรัฐมนตรีไปเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ผ่านการเสนอ 8 ข้อ ปัจจุบันคณะทำงานกำลังพิจารณาความเหมาะสมของมาตรการที่จะผลักดันออกมา ซึ่งยังคงต้องประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพิจารณา โดยเฉพาะการยกเลิกมาตรการ LTV ที่ยังคงต้องประสานงานในการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการพิจารณาอย่างเหมาะสม

และการขอให้ปรับหลักเกณฑ์การลดค่าธรรเนียมการโอนและจดจำนอง ที่ขยายราคาซื้อที่อยู่อาศัย จากราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เป็นไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงมหาไทยจะต้องมีการพิจารณาเพิ่มเติม หลังจากขยายระยะเวลาการสดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองไปแล้วถึง 31 ธ.ค. 67 สำหรับราคาซื้อที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาท ทำให้การทำงานของคณะทำงานยังต้องใช้ระยะเวลาอีกพอสมควรกว่าจะผลักดันออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ก.พ. 67)

Tags: , , ,
Back to Top