นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี (DUSIT) เปิดเผยว่า หลังจากกลุ่มดุสิตธานีขยายการลงทุนในธุรกิจอาหาร ด้วยการจัดตั้งบริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด ตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งปัจจุบันกลุ่มดุสิตธานีถือหุ้นใน “ดุสิต ฟู้ดส์” ในสัดส่วน 75% ขณะที่บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ถือหุ้นในสัดส่วน 25% จนถึงขณะนี้ธุรกิจอาหารภายใต้การบริหารของ “ดุสิต ฟู้ดส์” สามารถเติบโตได้อย่างน่าพอใจ โดยในรอบ 9 เดือนของปี 2566 ที่ผ่านมา ธุรกิจอาหารมีรายได้ในสัดส่วน 19.5% ของรายได้รวมของกลุ่มดุสิตธานี สูงกว่าเป้าหมายที่กลุ่มดุสิตธานีวางไว้ว่า จะกระจายรายได้ไปในธุรกิจอื่นๆ นอกจากธุรกิจโรงแรมและการศึกษาในสัดส่วน 10%
“ธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจที่เติบโตดีและมีศักยภาพ ขณะที่กลยุทธ์ที่เราวางไว้เพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจอาหารก็เป็นไปตามแผน จากจุดเริ่มต้นที่เราเน้นการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจรับจัดเลี้ยงหรือแคเทอริ่ง ด้วยการถือหุ้น 70% ในเอ็บเพอคิวร์ กรุ๊ป ที่ปัจจุบันให้การบริการรับจัดอาหารให้กับโรงเรียนนานาชาติ ทั้งในไทย เวียดนาม และกัมพูชา การลงทุนในธุรกิจเบเกอรี่ ด้วยการถือหุ้นในบองชู กรุ๊ป ในสัดส่วน 55% ทำให้เรามีโรงงานผลิตเบเกอรี่ คือ พอร์ต รอยัล เข้ามาในพอร์ตลงทุนของเรา รวมถึงการถือหุ้นใน Savor Eats ในสัดส่วน 51% ที่จะเห็นรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจนมากขึ้นในปีนี้ และในปีนี้เช่นเดียวกันที่ ‘ดุสิต ฟู้ดส’’ จะสร้างการเติบโตจากภายในผ่านบริษัท ดุสิต กาสโทร จำกัด ที่ ‘ดุสิต ฟู้ดส์’ ถือหุ้นในสัดส่วน 100% โดยทั้งหมดนี้ เป็นพัฒนาการของธุรกิจอาหารที่จะกลายเป็นกำลังสำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับกลุ่มดุสิตธานีในอนาคตอย่างแน่นอน”
นางศุภจี กล่าว
ด้าน นางสาวมณิศา มิตรไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจไว้ที่เฉลี่ยปีละ 15-18% โดยวางเป้าหมายว่าจะสามารถสร้างรายได้แตะระดับ 2,500 ล้านบาทภายในปี 2570 ทั้งนี้ ในรอบปีที่ผ่านมา (9 เดือน) บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้ถึง 878 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 19.5% ของรายได้โดยรวมของกลุ่มดุสิตธานีที่ 4,512 ล้านบาท
โดยสัดส่วนรายได้ที่สำคัญมาจาก 2 ธุรกิจที่เข้าไปลงทุนไว้ก่อนหน้า คือ เอ็บเพอคิวร์ กรุ๊ป และบองชู กรุ๊ป โดยในปีนี้ทั้งเอ็บเพอคิวร์ ซึ่งปัจจุบันดำเนินธุรกิจรับจัดอาหาร (แคเทอริ่ง) ให้กับโรงเรียนนานาชาติ ทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และกัมพูชา มีแผนจะขยายลูกค้าไปยังกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง รวมถึงประเทศต่างๆ ทั่วโลก พร้อมๆ กับขยายการให้บริการที่นอกเหนือไปจากกลุ่มโรงเรียนนานาชาติ เช่นเดียวกับบองชู กรุ๊ป ที่มีแผนขยายฐานลูกค้าไปยังจีน ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งจะตอบโจทย์พันธกิจหลักของ “ดุสิต ฟู้ดส์” ที่จะนำอาหารเอเชียออกไปสู่ตลาดโลก
“พัฒนาการที่สำคัญของ ‘ดุสิต ฟู้ดส์’ ในปีนี้ คือ การทำให้ภาพการเป็นบริษัทที่ลงทุนด้านอาหารในรูปโฮลดิ้งส์ชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาเรามองหาโอกาสลงทุนในพันธมิตรจากภายนอกที่แข็งแกร่ง ทำให้เราเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ในปีนี้เราจะรุกการเป็น Food Solutions ที่จะขับเคลื่อนจากภายใน ผ่านบริษัท ดุสิต กาสโทร จำกัด ที่ ‘ดุสิต ฟู้ดส์’ ถือหุ้น 100% โดย ‘ดุสิต กาสโทร’ จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการจัดหาวัตถุดิบคุณภาพ (Food Sourcing Hub) ตั้งแต่ข้าวออร์แกนิค ที่กลุ่มดุสิตธานีทำสัญญากับเกษตรกรโดยตรง รวมถึงเครื่องปรุงชนิดต่างๆ เพื่อส่งต่อให้กับลูกค้าทั้งในเครือและนอกเครือ ตลอดจนสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหาร (Innovation) ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของ ดุสิต กาสโทร ที่สามารถรับคำสั่งในการรังสรรค์เมนูอาหาร รวมถึงขนมอบต่างๆ ให้กับลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจง ตั้งแต่วัตถุดิบ ขนาด รสชาติ และงบประมาณ ซึ่งจะทำให้ ‘ดุสิต กาสโทร’ เป็นจุดเชื่อมทุกธุรกิจของกลุ่มดุสิตธานีไปสู่ฐานลูกค้าใหม่ๆ ที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะการให้บริการในกลุ่มเท่านั้น โดยขณะนี้ ดุสิต กาสโทร ได้เริ่มเจาะกลุ่มลูกค้าในธุรกิจค้าปลีก โรงแรม ร้านกาแฟในสถานีบริการน้ำมัน ที่มีสาขาทั่วประเทศ รวมถึงศูนย์แสดงสินค้าขนาดใหญ่”
น.ส.มณิศา กล่าว
ล่าสุด ดุสิต ฟู้ดส์ ยังเดินหน้าขยายฐานลูกค้าในกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่และแคทอริ่ง (HoReCa : Hotel Restaurant Cafe and Catering) ด้วยการนำ ดุสิต กาสโทร ร่วมเปิดตัวในงาน ไทยเฟ็กซ์-โฮเรค เอเชีย (THAIFEX-HOREC Asia) ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าที่เน้นธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารและการจัดเลี้ยง (HoReCa) และนับเป็นงานแสดงสินค้าครั้งสำคัญโดยความร่วมมือของพันธมิตร ที่ล้วนเป็นผู้ประกอบการชั้นนำในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมอาหารทั้งในประเทศและภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ โดยงานดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 มีนาคม 2567 ณ ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี (Hall 10 – K14)
“เรามั่นใจว่า ดุสิต กาสโทร จะตอบโจทย์ที่เป็น pain point หรือปัญหาสำคัญของผู้ประกอบการกิจการอาหาร ที่ต้องเผชิญภาวะการขาดแรงงาน ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น มาตรฐานของวัตถุดิบและการผลิตที่ไม่สามารถควบคุมให้สม่ำเสมอได้ ปัญหาขยะอาหารเหลือทิ้ง (Food Waste) และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งรับมือได้ยาก ดังนั้น บริการของ ดุสิต กาสโทร ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางในการรับคำสั่งจากลูกค้า เชื่อมต่อระหว่างลูกค้ากับธุรกิจอื่นๆ ในกลุ่ม ดุสิต ฟู้ดส์ และพันธมิตรด้านอาหารของเรา จะตอบโจทย์และลดปัญหาที่ลูกค้าในกลุ่ม HoReCa ต้องเผชิญมาโดยตลอด”
น.ส.มณิศา กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.พ. 67)
Tags: DUSIT, ดุสิตธานี, ธุรกิจอาหาร, ศุภจี สุธรรมพันธุ์, หุ้นไทย