จีนให้คำมั่นว่าจะยกระดับความร่วมมือกับสิงคโปร์ เพื่อปราบปรามอาชญากรรมการฟอกเงินข้ามพรมแดน พร้อมเน้นย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับกระแสการไหลของเงินอย่างผิดกฎหมายในภูมิภาค
กระทรวงต่างประเทศของจีนแถลงว่า จีนกำลังจับตาดูปัญหานี้อย่างใกล้ชิด หลังจากที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กตั้งคำถามเกี่ยวกับการโอนเงินจำนวนหลายร้อยรายการจากแรงงานชาวจีนในสิงคโปร์ ซึ่งทางตำรวจจีนได้อายัดเอาไว้
กระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวเสริมว่า ตำรวจจีนมีความคืบหน้าในกระบวนการร่วมมือกับตำรวจสิงคโปร์ และวางแผนจะกระชับความร่วมมือเพิ่มขึ้น พร้อมเสริมว่า จีนจะปกป้องสิทธิของพลเมืองจีนในสิงคโปร์
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า แถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศจีนมีขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) มีคำสั่งให้บริษัทที่ให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศ ใช้ช่องทางการโอนเงินผ่านธนาคารหรือเครือข่ายที่จัดตั้งอย่างถูกต้อง แทนที่จะใช้วิธีการที่ถูกกว่า เช่น ใช้บริการคนกลางในการส่งเงินไปยังจีน
ทั้งนี้ คำสั่งเกี่ยวกับการโอนเงินดังกล่าวมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางสิงคโปร์ชี้แจงเมื่อเดือนธ.ค. 2566 ว่า คำสั่งนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับข้อกังวลใด ๆ ในเรื่องการฟอกเงิน
ปัญหาเรื่องการโอนเงินระหว่างประเทศของจีนและสิงคโปร์ ได้เน้นย้ำถึงประเด็นการต่อสู้กับอาชญากรรมทางการเงินทั่วเอเชีย โดยมีการรายงานข่าวเกี่ยวกับการหลอกลวงและการฟอกเงินเป็นจำนวนมาก ซึ่งครอบคลุมจำนวนเงินหลายพันล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิงคโปร์ ซึ่งกำลังเผชิญกับคดีการฟอกเงินครั้งใหญ่ที่สุด โดยมีการยึดทรัพย์สินมากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากชาวจีนในสิงคโปร์
ทางการสิงคโปร์กล่าวว่า ณ วันที่ 15 ธ.ค. 2566 ตำรวจได้รับการร้องเรียนมากกว่า 670 รายการ เกี่ยวกับการถูกอายัดเงินที่โอนไปยังจีน ซึ่งมีมูลค่ารวม 13 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
รายงานระบุว่า กรรมกรชาวจีน 3 คน ได้ยื่นฟ้องร้องบริษัทซัมลิต มันนีย์เชนเจอร์ (Samlit Moneychanger Pte.) ซึ่งเป็นบริษัทรับแลกเงินที่มีใบอนุญาต ซึ่งตั้งอยู่ในย่านไชน่าทาวน์ของสิงคโปร์ โดยพวกเขาเรียกร้องค่าเสียหาย หลังจากถูกตำรวจจีนอายัดเงินที่โอนกลับประเทศ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ม.ค. 67)
Tags: จีน, ฟอกเงิน, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน, สิงคโปร์