WealthMePlease: ผ่าหุ้นจีน!!

ตลาดหุ้นจีนซบเซาต่อเนื่องมา 3 ปีแล้วตั้งแต่ปี 2564 จนถึงวันนี้ติดลบไปกว่า 45-50% โดยเฉพาะกลุ่มเทคฯ ติดลบมากกว่า 50% แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วหุ้นจีนและหุ้นฮ่องกงดีดตัวขึ้นติดต่อ 3 วันขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และแผนการจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้น ปัจจัยเหล่านี้น่าจะทำให้ตลาดหุ้นจีนกลับมาน่าสนใจหรือไม่?

นายบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) มองว่า ตลาดหุ้นจีนถือว่าไม่แพงแล้ว หุ้นจีน A Share มี Foward P/E 11 เท่า ส่วน H Share มี Foward P/E 7 เท่า แต่เศรษฐกิจจีนยังมีความเสี่ยงรออยู่ โดยคนที่ยังไม่มีหุ้นจีน แนะว่าหากรับความเสี่ยงได้ให้เข้าเล่นเก็งกำไรได้เป็นรอบๆ โดยมีกรอบทำกำไร 4-6%

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงดีดตัวขึ้นรับข่าวทางการจีนจะจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้นนั้น นายบดินทร์ กล่าวว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรก โดยครั้งก่อนเมื่อปี 2558 จีนก็เคยจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้นมาแล้ว ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้น แต่เป็นเพียงชั่วคราวระยะ 2 เดือน จากนั้นหุ้นก็ตกต่อ

ดังนั้น ครั้งนี้ก็เห็นว่าจะช่วยเรื่องโมเมมตัมต่อตลาดหุ้นได้บ้าง ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เพราะคิดว่ารัฐบาลจีนเห็นแล้วว่าหากปล่อยให้ตลาดหุ้นไหลลงไปเหมือนภาคอสังหาริมทรัพย์ก็คงไม่เป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ และยิ่งทำให้คนจีนหยุดจับจ่ายใช้สอย เพราะ Wealth ลดลงทั้งหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งการเริ่มเห็นนักลงทุนต่างชาติทยอยย้ายฐานการผลิตออกจากจีน รัฐบาลจีนจึงจำเป็นออกมาตรการมากระตุ้นเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งปีหลังจีนยังเผชิญความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการจีน-สหรัฐอาจจะกลับมา ซึ่งปลายปีนี้จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ทำให้ตลาดหุ้นจีนปีนี้น่าจะทรงๆ แม้จะไม่แย่ไปกว่าปีที่แล้ว แต่ก็คงยังไม่ฟื้น

ส่วนเศรษฐกิจจีนในปี 66 เติบโต 5.2% ทำได้เกินเป้าสำหรับรัฐบาล แต่สำหรับนักลงทุนถือว่าต่ำกว่าเป้า และตลาดยังคาดว่าในปี 67 GDP จีนจะโตได้ 4.7-4.8% ต่ำกว่าปีที่แล้ว โดยภาคอสังหาริมทรัพย์ก็ยังชะลอตัวอยู่ และมองว่าเศรษฐกิจจีนจากนี้ไปจะเติบโตแบบชะลอลง จะไม่ได้เห็นการเติบโตแบบหวือหวาเหมือนในอดีตอีกแล้ว จะเป็นจีน “The Next Normal” เพราะรัฐบาลจีนหันมาใส่ใจเชิงคุณภาพการเติบโตของเศรษฐกิจมากกว่าเชิงปริมาณ

ทั้งนี้ ตัวชี้วัดอันหนึ่งที่จะบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนกลับมาฟื้นตัวคือ เงินเฟ้อ ซึ่งที่ผ่านมาเติบโตต่ำมากและบางเดือนก็ติดลบ แต่หากเงินเฟ้อกลับมาบวกจะสะท้อนถึงผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช่สอยกันมากขึ้น

*แก้พอร์ตขาดทุนหุ้นจีน?

สำหรับคนที่ถือกองทุนหุ้นจีนซึ่งติดลบไปมากพอสมควร นายบดินทร์ แนะนำว่า หากจะ Cut Loss ตอนนี้สายเกินไปแล้ว แต่มองตลาดหุ้นจีนลงลึกแล้ว แนะให้ถือไปก่อน เพราะหากตลาดฟื้นก็จะขึ้นได้เร็ว ส่วนบางคนที่เกิดอาการท้อ แนะนำให้ตัดขายไปบางส่วน หรือ 1 ใน 3 แล้วไปลงทุนตลาดอื่นที่พอจะชดเชยผลขาดทุนจากตลาดหุ้นจีน

โดยตลาดหุ้นที่มองว่าน่าจะมีการเติบโตดีได้แก่ 1)ตลาดหุ้นเวียดนาม ถือเป็นเงาจีน ที่เศรษฐกิจเติบโตต่อได้จากซัพพลายเชนจีนไหลเข้าไปเวียดนาม 2)ตลาดหุ้นอินเดีย นับเป็นประเทศอันดับ 2 ที่ต่างชาติเลือกเป็นจุดหมายปลายทางในการตั้งฐานการผลิต รองจากจีน แนวโน้มศักยภาพเศรษฐกิจเติบโตดี และ 3) หุ้นเทคสหรัฐ ถึงแม้ไม่ถูกแล้ว แต่มองว่าหุ้นเทคจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยสหรัฐปรับตัวลง และแม้เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัว แต่กลุ่มเทคจะไม่ค่อยรับผลกระทบ รวมทั้งการมาของยุค AI จาก Chat GPT ทำให้เกิด Generative AI ซึ่งจะเป็น New S-curve ทำให้หุ้นเทคเติบโตต่อได้ คาดว่าจะมีการลงทุน Generative AI อย่างมาก

ทั้งนี้ แนะนำถือหุ้นจีนเพียง 10-15% ของพอร์ต

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ม.ค. 67)

Tags: , , , , ,
Back to Top