ปัดยื้อ กม.นิรโทษกรรม “เพื่อไทย” รอทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ปฏิเสธข่าวพรรคเพื่อไทย (พท.) ยื้อกฎหมายนิรโทษกรรม โดยตั้งคำถามต่อสังคมว่า หากเรื่องนี้ถ้าดำเนินการไปแล้วคนส่วนใหญ่เห็นด้วย พรรคเพื่อไทยก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปยื้อ ซึ่งเคยพูดไว้ชัดเจนตั้งแต่ต้นคือ ปัญหาของประเทศ 10 ปีที่ผ่านมาเกิดจากวิกฤตความขัดแย้งที่ไม่ยินยอมกัน และต่างฝ่ายต่างต้องการผลักดันให้ได้ตามความต้องการของตน หากเป็นแบบนี้คงต้องใช้เวลาที่จะทำให้ปัญหาคลี่คลายลงถึงจุดที่พอเป็นฉันทามติของสังคมได้ การแก้ปัญหาก็จะจบ แต่ตราบใดที่คุยกันแล้วยังมีคนคัดค้านอย่างรุนแรง ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลยังจะไม่ขยับจนกว่าจะมีข้อสรุปของสังคม

“ไม่ใช่การยื้ออะไร แต่พยายามจัดการปัญหาความขัดแย้งเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด จะไม่แก้ปัญหาเพื่อนำมาสู่ปัญหาเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ผมพูดเสมอว่าตอนนี้ต้องแก้ปัญหาเรื่องของเศรษฐกิจ และสังคมก็ต้องทำ เราขัดแย้งมาตลอด ก็รู้อยู่แล้วว่าทำอะไรแล้วจะเกิดความขัดแย้ง ทำอะไรจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไป แต่แน่นอนการตัดสินใจหลายอย่างไม่สามารถทำได้ตามความพึงพอใจในทันที แต่ถ้าทุกคนเห็นพ้องต้องกัน การตัดสินใจทำอะไรไปก็จะเกิดความสงบสุข” นายภูมิธรรม กล่าว

ส่วนตัวชี้วัดว่าสังคมเห็นพ้องต้องกันแล้วคงไม่ต้องไปยึดติดกับรูปแบบว่าต้องทำประชามติ การรับฟังความคิดเห็นก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้คนเห็นพ้องได้ และอย่างผลโพลที่หลายสำนักสำรวจออกมาก็ยังมีความต่างกัน ดังนั้นรัฐบาลก็ต้องฟังทุกส่วนแล้วชั่งใจ และใช้ดุลพินิจพิจารณาทุกเรื่องและตัดสินใจในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด เพราะรัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองคิดและทำ

ขณะที่นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีมีข่าวเตรียมเสนอเลื่อนญัตติของ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นั้นไม่ได้เป็นการถ่วงเวลา แต่เป็นการเดินหน้า เพราะเชื่อว่าการพูดคุยกันในห้องเล็กจะดีกว่า เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน การพูดคุยกันในห้องใหญ่ เชื่อว่าสุดท้ายก็จบลงกันที่การประชุมลับ เพราะมีเรื่องของมาตรา 112 เข้ามาเกี่ยวข้อง

“พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลก็มีความเห็นตรงกันให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ขึ้นมาเพื่อศึกษาการเสนอกฎหมายดังกล่าว ส่วนร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกลที่มีการยื่นให้ประธานรัฐสภาแล้ว แต่ไม่ทราบว่าจะได้บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระเมื่อใด จึงเชื่อว่าการพูดคุยในห้องเล็กอาจมีความเห็นตรงกันในหลายเรื่อง” นายสรวงศ์ กล่าว

เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทุกพรรคการเมืองและทุกภาคส่วน ทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคดีทางการเมืองต้องมาพูดคุยกัน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลยินดีที่จะแสดงความจริงใจในการผลักดันเรื่องดังกล่าว ถึงแม้จะเคยมีการศึกษามาแล้ว แต่เวลาเปลี่ยนจุดยืนของคนก็เปลี่ยน บางคนเคยเป็นเหลืองกลายมาเป็นแดง หรือตอนนี้ไม่มีสีแล้ว ก็มองว่าเราควรหาจุดร่วมเพื่อทำกฎหมายบรรเทาทุกข์ประชาชน รวมถึงเยาวชนที่อาจจะผิดพลาดไป การมาคุยในห้องเล็กดีที่สุด

พรรคเพื่อไทยยังไม่มีการยกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่เป็นฉบับของพรรค แต่ได้เสนอให้มีการตั้ง กมธ.วิสามัญขึ้นมา เพื่อที่พรรคร่วมรัฐบาลจะได้ผนึกกำลังเสนอร่าง พ.ร.บ.ฉบับเดียวกันเป็นร่างเดียว เพราะในเนื้อหาเราเห็นตรงกันเกือบทุกเรื่อง ติดอยู่เพียงเรื่องละเอียดอ่อนมากเพียงเรื่องเดียว เช่น มาตรา 112 หากเข้าห้องประชุมใหญ่แล้วต้องประชุมลับอย่างแน่นอน

“เราจะเร่งดำเนินการให้กฎหมายออกมาเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุดเพื่อให้เป็นประโยชน์กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจริงๆ เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน เพราะ กมธ.วิสามัญฯ จะใช้กรอบเวลาไม่เกิน 60 วัน รวมถึงจะนำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของประชาชนมาร่วมพิจารณาด้วย” นายสรวงศ์ กล่าว

ขณะที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเห็นว่าการนิรโทษควรเป็นนิมิตหมายของการสร้างความปรองดอง ไม่ควรเป็นเหตุทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นใหม่ ทางออกที่ดีที่สุดคือการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อยุติ โดยควรประกอบด้วยผู้แทนพรรคการเมือง คนภายนอกที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม เพื่อให้ได้รับความเห็นที่กว้างขวาง เนื่องจากขณะนี้มีการถกเถียงกันอยู่ว่ารวมเหตุการณ์ใดบ้าง โดยวันที่ 31 ม.ค. จะเสนอให้เลื่อนการพิจารณาญัตติดังกล่าว เพื่อให้ได้พิจารณากันในวันที่ 1 ก.พ.

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ม.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top