ปชป.ยันทำหน้าที่ฝ่ายค้านร่วมก้าวไกลราบรื่น ตั้งคกก.เก็บข้อมูล “แลนด์บริดจ์”

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงทิศทางการทำงานของพรรคกับพรรคก้าวไกลว่า ในฐานะที่เราเป็นฝ่ายค้านร่วมกันการทำงานในสภาช่วงที่ผ่านมาทุกอย่างราบรื่นดี แต่ในส่วนของกิจกรรมทางการเมืองบางเรื่องก็แยกกัน อย่างเช่นการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ยังไม่มีการพูดคุยกันอย่างชัดเจน คงเป็นหน้าที่ของวิปฝ่ายค้าน ซึ่งในส่วนของพรรค ก็มีนายประมวล พงษ์ถาวราเดช ประธาน สส. และนายนริศ ขำนุรักษ์ รองหัวหน้าพรรคตามภารกิจ ที่จะทำหน้าที่ในการประสาน และให้การสนับสนุนการทำงานในสภาต่อไป

สำหรับการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น เมื่อยังไม่มีการพูดคุยอย่างเป็นทางการ แต่พรรคก็ได้ทำงานด้านการตรวจสอบ และเตรียมข้อมูลไว้บางส่วน พร้อมกับยืนยันว่าพรรคมีการเก็บข้อมูลการทำงานของรัฐบาลมาโดยตลอด ส่วนกระบวนการทำงานอาจจะไม่จำเป็นต้องวางเป็นแนวทางแบบโรดแมพอย่างพรรคก้าวไกล แต่ประชาธิปัตย์ มีการกำหนดโครงสร้างการทำงานในสภาไว้ตั้งแต่หลังการเลือกตั้ง และมีการพูดคุยกันทุกสัปดาห์ เพราะสถานการณ์ทางการเมืองก็มีเรื่องเร่งด่วนที่เป็นปัญหาของประชาชน อีกทั้งมีวาระที่ต้องผลักดันกฎหมายที่สำคัญ เพราะพรรคประชาธิปัตย์นั้นถือได้ว่าเป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีหลักเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเมื่อมีการพูดถึงการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ก็ต้องถือว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นฉบับที่แก้ไขได้ยาก เพราะติดที่เงื่อนไขวุฒิสภา ดังนั้นการแก้ไขมาตรา 256 จึงเป็นมาตราสำคัญที่จะทำให้รัฐธรรมนูญแก้ไขได้ง่ายขึ้น

 

*ตั้งคกก.ศึกษาเก็บข้อมูล “แลนด์บริดจ์”

ส่วนประเด็นแลนด์บริดจ์นั้น นายราเมศ กล่าวว่า พรรคได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อทำการศึกษาและเก็บข้อมูล รวมทั้งจะมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาให้ความเห็นด้วย แต่เรื่องนี้ก็ไม่อยากให้คิดว่ามีความเห็นเป็นสองฝั่ง แต่มีขั้นตอนที่รัฐบาลละเลย คือรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ค่อนข้างชัดในเรื่องการรับฟังความเห็นของประชาชน และการให้ข้อมูลความรู้ในเรื่องโครงการ เพราะโครงการใหญ่ขนาดนี้ย่อมมีทั้งผลดีและผลเสีย

ดังนั้นรัฐบาลจึงจำเป็นต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ประชาชนมีความเข้าใจ โดยเฉพาะเรื่องที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนด้วย ไม่เช่นนั้นโครงการอาจเดินไปผิดทิศผิดทาง

ด้านนายนริศ ให้ความเห็นว่า พรรคได้เก็บรวมรวมข้อมูลไว้แล้วระดับหนึ่ง และพรรคก็มีตัวแทนที่เข้าไปนั่งอยู่ใน กมธ. ด้วย แตกต่างจากการขุดคอคอดกระ ที่พรรคไม่เห็นด้วย แต่กรณีแลนด์บริดจ์นั้น พรรคจำเป็นต้องมีข้อมูลให้ครบถ้วนมากที่สุด และเห็นว่าข้อมูลในขณะนี้ยังมีความแกว่งไปแกว่งมา ลำพังจากข้อมูลของหน่วยงานเดียวก็ยังไม่มีเอกภาพ และข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่อหน่วยงานก็ยิ่งไปกันใหญ่ ดังนั้นการศึกษาโครงการจำเป็นต้องมีเอกภาพกว่านี้ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่มากขึ้น ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือต้องสร้างความมั่นใจให้ได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ม.ค. 67)

Tags: ,
Back to Top