นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เตรียมยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบการถือครองหุ้นสื่อของรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) สมาชิกวุฒิสภา (สว.) รวมถึงคู่สมรสและบุตร เนื่องจากยังมีประเด็นติดใจที่ศาลรัฐธรรมนูญวางหลักเรื่องการถือหุ้นเพียงหุ้นเดียวก็มึความผิด
“มีประเด็นเรื่อง 1 หุ้นก็ผิด เพราะเป็นเรื่องที่ต้องหาข้อเท็จจริงของนักการเมือง รัฐมนตรี สส. สว. รวมถึงคู่สมรส และบุตรด้วย” นายเรื่องไกร กล่าว
เนื่องจากพบว่าการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ บางครั้งมีลักษณะการซื้อในช่วงเช้าแล้วขายออกในช่วงบ่าย จะไม่ปรากฏอยู่ในสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) รวมถึงบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัท (บมจ.006) โดยตนจะเตรียมยกร่างคำร้อง เพื่อยื่นต่อ กกต.ให้ไล่ตรวจสอบทั้งหมด ว่าระหว่างดำรงตำแหน่งมีใครซื้อขายหุ้นสื่อที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์หลายตัว เพราะหลายคนมีบัญชีหุ้นในการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 66
นายเรืองไกร กล่าวว่า เหตุที่นึกถึงเรื่องนี้ เพราะเคยยื่นคำร้องตรวจสอบ สส.คนหนึ่งที่แจ้งบัญชีทรัพย์สินฯ ว่าถือหุ้นสื่อแห่งหนึ่ง แต่เพิ่งทราบข้อเท็จจริงว่าเขาซื้อหุ้นหลังจากเป็น สส.แล้ว ทำให้คิดได้ว่า ความไม่รู้ของเขา อาจเกิดจากโบรกเกอร์ซื้อขายหุ้นในนามของเขา ดังนั้นเมื่อเห็นตัวอย่างลักษณะเช่นนี้ จึงมีหน้าที่ต้องดูทั้งหมด
โดย กกต.ต้องไปขอข้อมูลทั้งหมด ซึ่งคงใช้เวลาร่างคำร้องประมาณ 1-2 สัปดาห์ และจะขอให้ตรวจสอบไปถึงคู่สมรสและบุตรด้วย เพราะเป็นลักษณะต้องห้ามและขัดกันของผลประโยชน์ จึงเป็นหน้าที่ของ กกต.ที่ต้องตรวจสอบ เพราะระบบสามารถดึงข้อมูลมาได้อยู่แล้ว เชื่อว่าคงใช้เวลาไม่นาน และถ้าพบ ก็ต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
“เราสงสัยว่า ระหว่างอยู่กัน 4 ปีก่อนพ้นจากตำแหน่งไปขายหุ้นออก แล้วช่วงนี้ก็ทำกำไรไปก่อน ซึ่งถือเป็นลักษณะต้องห้าม” นายเรืองไกร กล่าว
กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวางหลักว่าถือหุ้นเพียงหุ้นเดียวก็ไม่ได้นั้น คงตอบหลายคนเรื่องที่ไปคำนวณสัดส่วนหุ้น ซึ่งตนไม่ได้แปลกใจอะไรในเรื่องนี้ เพราะตอนที่เป็น สว.เคยร้องเรื่องหุ้นสัมปทานมาแล้ว ซึ่งศาลวินิจฉัยว่าหุ้นเดียวก็ถือไม่ได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ม.ค. 67)
Tags: กกต., ถือหุ้นสื่อ, นักการเมือง, เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ