บรรดาธุรกิจในอังกฤษแสดงความกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักทางการค้าระลอกใหม่ในยุคหลังเบร็กซิต (Brexit) เนื่องจากผู้ส่งออกในสหภาพยุโรป (EU) ขาดความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงด้านศุลกากรใหม่ของอังกฤษซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนนี้ อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือของอังกฤษอาจไม่ได้เตรียมความพร้อมไว้เช่นกัน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อังกฤษถอนตัวออกจากการเป็นตลาดเดียวของ EU เมื่อเดือนม.ค. 2564 แต่ได้เลื่อนการตรวจสอบสินค้านำเข้าจาก EU ออกไปหลายครั้ง
ในทางตรงกันข้าม EU บังคับใช้กฎของตนทันที ซึ่งส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการท่าเรือในปี 2564 ส่งผลให้ผู้ส่งออกของอังกฤษบางราย เช่น ผู้ผลิตชีสและเกษตรกรผู้เลี้ยงเนื้อวัวระดับไฮเอนด์ ต้องหยุดขายให้กับ EU ในช่วงแรก
เมคยูเค (Make UK) ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาคมผู้ผลิตของอังกฤษระบุในเดือนธ.ค. ว่า 90% ของบริษัทที่ได้ทำการสำรวจยังคงเผชิญปัญหาการดำเนินธุรกิจกับ EU โดยมีเรื่องพิธีการศุลกากรเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุด
ด้านนายมาร์โก ฟอร์จิโอเน อธิบดีสถาบันการส่งออกและการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทนำเข้าในอังกฤษ กล่าวว่า บริษัทขนาดใหญ่ใน EU อาจจะสามารถรับมือกับกฎเกณฑ์ใหม่ของอังกฤษได้ แต่บริษัทขนาดเล็ก เช่น ผู้ส่งออกอาหารเฉพาะทาง อาจประสบปัญหา
ทั้งนี้ นายฟอร์จิโอเนเสริมว่า บริษัทบางแห่งอาจมองว่าการค้ากับอังกฤษนั้นยุ่งยากเกินไป เลยตัดสินใจยุติการส่งออกไปยังอังกฤษ ซึ่งจะสร้างแรงกดดันด้านราคาสินค้าและปัญหาการขาดแคลน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ม.ค. 67)
Tags: อังกฤษ, อียู