นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง แสดงความพอใจต่อการดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของทุกภาคส่วนตามนโยบายรัฐบาลเริ่มเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะค่าฝุ่น PM 2.5 ที่จังหวัดเชียงใหม่น้อยลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยหวังว่าสถานการณ์ทั่วประเทศจะคลี่คลายไปในทางที่ดี
“ขณะนี้สถานการณ์ฝุ่นที่ จ.เชียงใหม่ลดลงไปกว่า 4-5 เท่าแล้วของช่วงวันเดียวกันกับปีที่ผ่านๆ มา เป็นเรื่องที่น่าชื่นใจและให้ทำต่อไป รวมไปถึงปัญหาสถานการณ์ฝุ่นในกรุงเทพฯ ที่ยังมีปัญหาอยู่ก็จะแก้ไขปัญหาและมีแผนบริหารจัดการต่อไป”
นายเศรษฐา กล่าวขณะอยู่ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้จะมีรายงานชี้ชัดว่าบางพื้นที่มีตัวเลขค่าฝุ่นดีขึ้น ซึ่งเป็นไปตามการทำงานลงรายละเอียดถึงสาเหตุของแก้ปัญหาที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ตามนโยบายที่นายกรัฐมนตรีกำหนดไว้ แต่รัฐบาลไม่ได้พอใจเพียงเท่านี้ ยังคงมุ่งมั่นทำงานอย่างเด็ดขาด ละเอียด รอบคอบต่อไป เพื่อลดฝุ่นที่ส่งผลกระทบถึงประชาชนในทุกพื้นที่ คืนอากาศสะอาด เพื่อสุขภาพของประชาชนทุกคน
เมื่อเปรียบเทียบค่าฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ย้อนหลัง 5 ปี พบว่า ค่าฝุ่น PM 2.5 ในวันนี้อยู่ที่ระดับ 16.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) น้อยกว่าวันเดียวกันของปีก่อนมากกว่า 1 เท่าตัว โดยวันที่ 21 ม.ค.63 อยู่ที่ระดับ 53 มคก./ลบ.ม., วันที่ 21 ม.ค.64 อยู่ที่ระดับ 58 มคก./ลบ.ม., วันที่ 21 ม.ค.65 อยูที่ระดับ 26 มคก./ลบ.ม. และ วันที่ 21 ม.ค.66 อยู่ที่ 36 มคก./ลบ.ม.
ขณะที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ยังอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากมีระดับค่าฝุ่นปานกลางจนถึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปกำกับดูแลตามภารกิจล่วงหน้าไว้อยู่แล้ว ทำให้หลายพื้นที่สถานการณ์เบาบางลง
ทั้งนี้มีหลายพื้นที่เข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวอ้อยและเตรียมพื้นที่ท้องนาเพื่อเริ่มฤดูกาลเพาะปลูกใหม่ ทำให้มีการเผาในปริมาณสูงขึ้น แม้จะให้มีการจับตาอย่างใกล้ชิดก็ยังพบการลักลอบเผา ส่วน กทม.และปริมณฑล สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากมลพิษจากท่อไอเสียและโรงงานอุตสาหกรรม จึงได้มอบหมายให้กรมควบคุมมลพิษร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจตรารถควันดำให้มีมาตรการเข้มข้น ตรวจ จับ ปรับ ตามความเหมาะสม เพื่อให้ได้เกิดความตื่นตัวในการแก้ไขปัญหา
“จากนี้ไปมาตรการต่างๆ จะมีความเข้มข้นมากขึ้น อะไรที่ทำไปแล้วไม่ได้ผลก็จะต้องมีการทบทวน ปรับปรุง เราพยายามแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน ขอให้ประชาชนมั่นใจ” พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าว
สำหรับเครื่องมือในแก้ปัญหาคือ ร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด กำลังเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ซึ่งจะใช้เวลาแปรญัตติ 15 วัน เมื่อร่างกฎหมายผ่านขั้นตอนของสภาฯ และประกาศใช้จริงจะสามารถบริหารจัดการปัญหามลพิษทางอากาศได้อย่างเป็นระบบ ครอบคลุมทั้งในประเทศและมลพิษข้ามพรมแดน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ม.ค. 67)
Tags: PM2.5, ฝุ่น PM2.5, เศรษฐา ทวีสิน