นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 ม.ค.67 ตามเวลาสหรัฐฯ กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่างผู้ส่งออกไทย และผู้นำเข้าสหรัฐฯ เพื่อส่งเสริมและผลักดันสินค้าไทยสู่ตลาดโลก ตามนโยบายของรัฐบาล โปรโมตสินค้าไทย โดยเฉพาะข้าว และสร้างเครือข่ายพันธมิตรการค้าและการลงทุน รวมถึงส่งเสริมภาพลักษณ์ซอฟต์พาวเวอร์ไทย โดยเฉพาะอาหารไทย โดยมีตนร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งการลงนามเอ็มโอยูครั้งนี้ มี 3 คู่ ในสินค้าข้าวหอมมะลิ ซอส น้ำมะพร้าว และอาหารกระป๋อง คาดจะช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศ 41 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1,435 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้มอบเกียรติบัตร Thai SELECT แก่ร้านอาหารไทย ในนครลอสแอนเจลิส 9 แห่ง เพื่อเป็นการส่งเสริมอาหารไทยสู่ตลาดโลก ผ่านนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาล ซึ่งในปัจจุบัน มีร้านอาหารที่ได้รับตรา Thai Select อยู่ 1,526 ร้านทั่วโลก ในจำนวนนี้อยู่ในสหรัฐฯมากที่สุด 427 ร้าน โดยตนต้องการให้ร้านอาหารไทยซีเลกต์ เป็นเชล์ฟของสินค้าไทย ที่จะแสดงสินค้าไทย วัฒนธรรมและคุณค่าต่างๆ ของไทย
พร้อมกันนั้น ยังได้เปิดตัวสินค้าอาหารไทย ของบริษัท Overhill Farms ที่เป็นบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ตนรู้สึกภาคภูมิใจที่บริษัทผลักดันอาหารไทย ที่มีรสชาติดั้งเดิม จำหน่ายในห้าง Costco ซึ่งเป็นห้างค้าส่งขนาดใหญ่ได้เป็นผลสำเร็จ เป็นซอฟต์พาวเวอร์ ในการทำให้ผู้บริโภคสหรัฐฯ รู้จักอาหารไทยมากขึ้น โดยสินค้าเกี๊ยวกุ้งต้มยำ จัดจำหน่ายในห้าง Costco กว่า 600 สาขาทั่วสหรัฐฯ ได้สำเร็จแล้ว และต่อจากนี้จะได้เห็นอาหารไทย อีกหลายเมนูที่เป็นที่นิยมและเป็นตัวแทนของความเป็นไทยอย่างพะแนงไก่ ข้าวซอย แกงเขียวหวาน ผัดกระเพรา ผัดไทย เป็นต้น
“สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกเป็นอันดับ 1 ของไทย มีสัดส่วนสูงถึง 17% ของการส่งออกทั้งหมด และเป็น 1 ใน 10 ประเทศเป้าหมายเชิงรุกของรัฐบาลที่ต้องการจะสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า ตามนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก โดยผลจากการเดินทางเยือนในครั้งนี้ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้นำเข้าสหรัฐฯ ว่าไทยได้ให้ความสำคัญกับตลาดสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง เป็นการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ถึงภาพลักษณ์ข้าวไทย และอาหารไทย คาดว่า จะผลักดันและส่งเสริมการส่งออกสินค้าข้าวและอาหารไทยเข้าตลาดสหรัฐฯ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,750 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเร่งขยายการค้าและผลักดันการส่งออกไทยไปสหรัฐฯได้ตามเป้าหมาย ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายไว้ให้ขยายตัว 2% ในปีนี้”
สำหรับการลงนามเอ็มโอยูครั้งนี้ ประกอบด้วย 1. บริษัท CKK กับบริษัท Archpoint Sales Texas, LLC สินค้าข้าวหอมมะลิ ซอส น้ำมะพร้าว อาหารกระป๋อง มูลค่า 350 ล้านบาท ภายใน 1 ปี 2. บริษัท CKK กับบริษัท United Natural Foods, Inc. สินค้าข้าวหอมมะลิ ซอส น้ำมะพร้าว อาหารกระป๋อง มูลค่า 350 ล้านบาท ภายใน 1 ปี และ 3.บริษัท Thai Lee Agriculture Co., LTD. กับบริษัท Sun Lee Inc. สินค้าข้าวหอมมะลิ มูลค่า 735 ล้านบาท ภายใน 1 ปี
ด้านนายอาณัติ จุลินทร รองกรรมการ ผู้จัดการบริหาร ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ซีพีเอฟ กล่าวว่า เดือนม.ค. ซีพีเอฟ เปิดตัวอาหารสูตรต้นตำรับพร้อมทาน คือ เกี๊ยวกุ้งต้มยำ สำหรับการวางขายในห้าง Costco ของสหรัฐฯ ที่มีสาขาทั่วประเทศ 600 สาขา ซึ่ง Costco มีคำสั่งซื้อมูลค่า 10 ล้านเหรียญฯสหรัฐฯ ตั้งใจจะวาง 2 เดือน แต่ปรากฎว่า สินค้าหมดภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน เพราะปัจจุบัน ผู้บริโภคยุคใหม่ชอบอาหารรสจัดมากขึ้น ถ้าเป็นอาหารไทยก็ต้องเป็นรสชาติต้นตำรับ ขณะนี้ได้หารือกันแล้วว่า ล็อตต่อไป Costco จะเพิ่มจำนวนการสั่งซื้อเป็น 20 ล้านเหรียญฯ ขณะเดียวกัน ได้เปิดตัวพะแนงไก่ด้วย และในเร็วๆ นี้ จะมีเมนูอื่นๆ ตามมาอีก เช่น แกงเขียวหวานไก่ กระเพราเนื้อ อีกทั้งขณะนี้ ซีพีเอฟยังอยู่ระหว่างหารือกับห้างอื่นๆ ที่จะนำอาหารไทยไปวางขายอีก คาดว่า จะวางได้อีก 7 เมนูในไตรมาส 3 เช่น ข้าวซอย กระเพราะเนื้อ
“การที่ซีพีเอฟเป็นหัวหอกในการขายอาหารไทยในสหรัฐฯ จะช่วยต่อยอดให้มีการนำเข้าสินค้าอื่นๆ จากไทยเข้ามาในสหรัฐฯด้วย เช่น วัตถุดิบอาหารไทย เครื่องปรุงรสอาหารไทย รวมถึงพ่อครัวแม่ครัว ที่อาจจะเข้ามาช่วยสอนอาหารไทย ถือเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทยที่แท้จริงตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งท่านประธานธนินท์ (นายธนินท์ เจียรวนนท์) พูดในที่ประชุมผู้บริหารในเครือซีพีว่า รัฐบาลนี้ทำงานหนักมาก”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ม.ค. 67)
Tags: ข้าว, ภูมิธรรม เวชยชัย, สหรัฐ, สินค้าไทย, อาหารไทย