DSI ส่งสำนวนฟัน จนท.รัฐเอี่ยวคดี “หมูเถื่อน” ให้ ป.ป.ช. เพิ่ม 2 คดี

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) มอบหมายให้ ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร รองผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค นำสำนวนการสอบสวนพร้อมด้วยหลักฐาน จำนวน 2 ลัง ในคดีหมูเถื่อน ที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้ง 2 คดี ไปส่งมอบให้คณะกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

คดีดังกล่าว เป็นการดำเนินการสืบสวนสอบสวน กรณีขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จากการตรวจสอบพบตู้สินค้าตกค้างในท่าเรือแหลมฉบัง โดยผู้รับสินค้าหรือตัวแทนแจ้งข้อมูลผ่านระบบของกรมศุลกากร ได้สำแดงเท็จเป็นอาหารแช่แข็งที่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าจำนวน 161 ตู้ น้ำหนักประมาณ 4.9 ล้านกิโลกรัม มูลค่าความเสียหายประมาณ 460,105,947.38 บาท เป็นคดีพิเศษที่ 59/2566

ซึ่งทางการสอบสวน พบเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้ว เมื่อวันที่ 24 พ.ย.66 ต่อมา DSI ได้สอบสวนขยายผล และพบการกระทำความผิดเพิ่มเติม โดยรับเป็นคดีพิเศษอีกจำนวน 9 คดี รวมทั้งคดีพิเศษที่ 101/2566 และคดีพิเศษที่ 104/2566 ด้วย

“ในการสืบสวนสอบสวน พบข้อเท็จจริงว่ามีกลุ่มขบวนการผู้ค้าเนื้อสัตว์กลุ่มใหญ่ ได้มีการวางแผนร่วมกันกับข้าราชการบางราย สร้างกระบวนการทุจริตในการนำเข้าสุกรต่างประเทศ เนื่องจากเนื้อสุกรแปรรูปในต่างประเทศมีราคาถูกมาก เมื่อนำเข้ามาบวกราคาขนส่งและค่าใช้จ่ายทั้งปวงแล้ว ยังได้กำไรครึ่งหนึ่งของราคาที่จำหน่ายในประเทศไทย” ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ระบุ

ทั้งนี้ ขบวนการเริ่มจากจัดให้มีตัวแทนรับซื้อชิ้นส่วนสุกรที่ต่างประเทศ รวบรวมไว้เป็นจำนวนมาก ต่อมาให้บริษัทในเครือข่ายหรือบริษัทที่เป็นตัวแทนของกลุ่มผู้กระทำผิด สั่งซื้อนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ให้สำแดงสินค้าเป็นผลิตภัณฑ์ปลาหรือโพลิเมอร์ อันเป็นเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงการชำระอากรที่ถูกต้องตามพิกัดอัตราภาษีศุลกากร รวมทั้งหลีกเลี่ยงการตรวจกักกันโรค

โดยผู้ดำเนินพิธีการศุลกากร หรือชิปปิ้ง จะแจ้งให้ผู้นำเข้าดำเนินการเป็นสินค้าที่ยกเว้นการตรวจ ผ่านช่องทางยกเว้นการตรวจ (Green Line) ทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าสินค้าที่บรรจุอยู่ในตู้สินค้านั้น เป็นสินค้าประเภทใด โดยจะมีการคิดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่เรียกว่า “ค่าเคลียร์” แล้วนำสินค้าออกจากท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อไปส่งห้องเย็นที่เตรียมไว้แล้ว ก่อนกระจายสู่ตลาดผู้บริโภค

กรณีดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการเลี้ยงสุกร และจำหน่ายสุกรภายในประเทศ เกิดความเสียหายอย่างมาก ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 101/2566 และคดีพิเศษที่ 104/2566 ได้ประชุมพิจารณาพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดดังกล่าว จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นควรส่งสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษดังกล่าว ไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ม.ค. 67)

Tags: , ,
Back to Top