ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส เปิดเผยเมื่อวานนี้ (18 ม.ค.) ว่า ค่าตอบแทนของนายเจมี ไดมอน ซีอีโอบริษัทฯ เพิ่มขึ้นประมาณ 4.3% เป็น 36 ล้านดอลลาร์ในปี 2566
ข้อมูลเอกสารที่ธนาคารฯ ยื่นต่อหน่วยงานกำกับดูแลระบุว่า แพ็คเกจค่าตอบแทนประจำปี 2566 ของนายไดมอนประกอบด้วยเงินเดือน 1.5 ล้านดอลลาร์ และโบนัสตามผลงาน 34.5 ล้านดอลลาร์ โดยโบนัสนี้แบ่งเป็นเงินสด 5 ล้านดอลลาร์ และหุ้น 29.5 ล้านดอลลาร์
คณะกรรมการบริษัทฯ ระบุในเอกสารยื่นว่า “ค่าตอบแทนประจำปี 2566 สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการบริษัทฯ ของนายไดมอน ซึ่งส่งผลให้สายธุรกิจหลักทุกด้านเติบโต บรรลุผลประกอบการสูงเป็นประวัติการณ์ และฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง … นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถนำพาและสนับสนุนลูกค้าผ่านความวุ่นวายในแวดวงธนาคารระดับภูมิภาค รวมถึงการเข้าซื้อธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค ได้สำเร็จ”
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เจพีมอร์แกนทำกำไรสุทธิประจำปีได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว หลังจากเข้าซื้อธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค ที่ล้มละลายในเดือนพ.ค. โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ซึ่งเป็นส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยที่ธนาคารเรียกเก็บจากการปล่อยกู้และดอกเบี้ยที่จ่ายให้แก่ผู้ฝากเงิน พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ นายไดมอนวัย 67 ปี เข้าดำรงตำแหน่งซีอีโอเจพีมอร์แกนมาตั้งแต่ปี 2548 โดยข้อมูลจากฟอร์บส์ประมาณการว่า นายไดมอนมีทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 1.7 พันล้านดอลลาร์
เมื่อเดือนต.ค. 2566 เจพีมอร์แกนเปิดเผยว่า นายไดมอนและครอบครัวตั้งใจจะขายหุ้น 1 ล้านหุ้น จากทั้งหมด 8.6 ล้านหุ้น อย่างไรก็ดี ทางโฆษกธนาคารฯ กล่าวในเวลานั้นว่า การตัดสินใจขายหุ้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการสืบทอดตำแหน่งผู้นำ และนายไดมอนไม่มีแผนที่จะขายหุ้นเพิ่มในปัจจุบัน แต่อาจพิจารณาขายอีกในอนาคต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ม.ค. 67)
Tags: ค่าตอบแทน, เจพีมอร์แกน, เจมี ไดมอน