นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สิงห์ เอสเตท (S) เปิดเผยว่า บริษัทได้วางเป้ารายได้รวมในปี 67 ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปีก่อน โดยจะมาจาก 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโรงแรม สัดส่วนรายได้ 60% ของรายได้รวม และกลุ่มธุรกิจพัฒนาที่พักอาศัยเพื่อขายสัดส่วน 30% หรืออยู่ที่ 5.4 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะมาจากรายได้จากกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ทั้งอาคารสำนักงานและพื้นที่เช่าค้าปลีก สัดส่วน 7% และกลุ่มธุรกิจนิคมอุดสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน มีสัดส่วน 3% ของรายได้รวม
กลุ่มธุรกิจโรงแรมภายใต้การบริหารงานของ บมจ.เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR) ยังคงมีแผนปรับปรุงโรงแรมเพื่อยกระดับพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง จำนวน 5 โรงแรมในเครือทั้งในไทยและต่างประเทศ คาดว่าจะช่วยเพิ่มอัตราเฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) ได้มากกว่า 25% รวมถึงแผนเสริมการให้บริการด้านอื่นๆ ให้สอดคล้องกับการยกระดับห้องพัก เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม นอกเหนือจากรายได้การเข้าพัก (Non-room Revenue) จากการใช้จ่ายต่อคนในการใช้บริการภายในโรงแรมเพิ่มขึ้นอีก 15% พร้อมกับรับรู้รายได้โรงแรม SO/Maldives เข้ามาเต็มปี หลังจากเปิดให้บริการแบบ Soft launch ไปเมื่อปลายปี 66 ที่ผ่านมา
ด้านกลุ่มธุรกิจพัฒนาที่พักอาศัยเพื่อขาย ในปี 67 จะสามารถรับรู้รายได้จากการโอนเพิ่มขึ้นอีก 50% ปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) แล้วกว่า 3.4 พันล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปีนี้ราว 3 พันล้านบาท และวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.4 หมื่นล้านบาท เป็นแนวราบระดับ Luxury ขึ้นไป 4 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ทำเลพระราม 3 ติดแม่น้ำเจ้าพระยา และศรีราชา
ส่วนกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการการพาณิชย์ ยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ใช้โมเดลธุรกิจที่มีความยืดหยุ่น ควบคู่ไปกับการชูจุดเด่นด้านที่ตั้งของโครงการ เพื่อทำให้อัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยอาคารสำนักงานในเครือมากกว่าในช่วงปี 62 ด้วยอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย 85% ในทุกโครงการที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ ปัจจุบันบริษัทมีอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า 4 โครงการ ได้แก่ อาคารซัน ทาวเวอร์, สิงห์ คอมเพล็กซ์, เอส เมโทร และ เอส โอเอซิส
ขณะที่กลุ่มธุรกิจนิคมอุดสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน ตั้งเป้ายอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเอส อ่างทอง ในปี 67 อยู่ที่ 40% ของพื้นที่ขายรวม 1,000 ไร่ ซึ่งได้รับความร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ที่เป็นแรงหนุนสำคัญในการทำให้สำเร็จตามเป้าหมาย และตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ
บริษัทยังวางแผนการดำเนินการผ่านแนวคิด “Go Beyond Dream” ที่ใช้ 3 แนวทางสนับสนุนการขับเคลื่อนการเติบโตครั้งนี้ ประกอบด้วย Go Expertise การสร้างซินเนอร์จีจากความชำนาญของทีมระหว่าง 4 กลุ่มธุรกิจ เพื่อเกื้อหนุนกันและกัน Go Elixir การผนึกกำลังกับพันธมิตรใหม่ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจและการลงทุน และGo Exceed, Go Exit ความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืน SDG13 Cimate Change สู่การเป็นองค์กร Carbon Neutrality ของบริษัทในปี 73 เพื่อสร้างความสมดุลของธุรกิจทั้งกับชุมขุน สังคม และสิ่งแวดล้อม
“ภายใต้แนวคิด Go Beyond Dreams เราพร้อมก้าวย่างเข้าสู่ปีที่ 10 ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมที่จะพัฒนาโครงการคุณภาพระดับ Best in Class ในทุกกลุ่มธุรกิจอย่างที่เราได้ประสบความสำเร็จมาแล้ว ซึ่งแม้ว่าปี 67 จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ท้าทายสำหรับเศรษฐกิจโลก แต่กลุ่ม สิงห์ เอสเตท มีกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจไปพร้อมกับการเตรียมตั้งรับสถานการณ์ต่างๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เพื่อตอกย้ำแนวทางการทำธุรกิจแบบมั่นคงและยั่งยืน” นางฐิติมา กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ม.ค. 67)
Tags: ฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์, สิงห์ เอสเตท, หุ้นไทย, อสังหาริมทรัพย์