อิหร่านเตือนมะกันอย่ายึดโยงโชคชะตาสหรัฐกับชะตากรรมของผู้นำอิสราเอล

นายฮุซัยน์ อะมีร อับดุลลอฮิยอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านออกโรงเตือนสหรัฐว่า อย่ายึดโยงโชคชะตาของประเทศชาติกับชะตากรรมของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูแห่งอิสราเอล พร้อมระบุว่า การที่สหรัฐสนับสนุนอิสราเอลอย่างเต็มรูปแบบนั้นเป็นต้นตอที่ทำให้เกิดความไม่มั่นคงในภูมิภาคตะวันออกกลาง

“สหรัฐและประธานาธิบดีโจ ไบเดนไม่ควรยึดโยงโชคชะตาของประเทศชาติกับชะตากรรมของนายกฯ เนทันยาฮู” นายอะมีร อับดุลลอฮิยอนให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีนอกรอบการประชุมเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum – WEF) ที่เมืองดาวอสของสวิตเซอร์แลนด์

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ความคิดเห็นของนายอะมีร อับดุลลอฮิยอนมีขึ้น ในขณะที่สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธฮามาสชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซายืดเยื้อเกินกว่า 100 วันแล้ว โดยสหรัฐได้ออกมาแสดงการสนับสนุนอิสราเอลอย่างเต็มที่ในการทำสงครามครั้งนี้

สงครามระลอกล่าสุดระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสเปิดฉากขึ้นเมื่อกลุ่มฮามาสเปิดปฏิบัติการโจมตีและแทรกซึมเข้าไปในอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว โดยสังหารประชาชนในอิสราเอลไปกว่า 1,200 รายและจับตัวประกันอีกกว่า 240 คน ซึ่งรวมถึงพลเมืองไทยจำนวนหนึ่ง

หลังเหตุโจมตีไม่คาดฝันครั้งนี้ ปธน.ไบเดนได้เดินทางไปอิสราเอลเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พร้อมประกาศให้การสนับสนุนทางทหารเป็นเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ และนับจากนั้นเป็นต้นมานายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐก็ได้เดินทางเยือนอิสราเอลหลายครั้ง

“การที่ปธน.ไบเดนกับทำเนียบขาวให้ความร่วมมืออย่างเต็มรูปแบบกับวายร้ายอย่างนายกฯ เนทันยาฮูในอิสราเอลถือเป็นต้นตอของความไม่มั่นคงในภูมิภาค” นายอะมีร อับดุลลอฮิยอนกล่าว

นอกจากนี้ นายอะมีร อับดุลลอฮิยอนกล่าวว่า อิหร่านต้องการให้สหรัฐยุติสงครามในฉนวนกาซา โดยเน้นย้ำว่า ความมั่นคงในทะเลแดงถือเป็นสิ่งสำคัญของอิหร่าน

นายอะมีร อับดุลลอฮิยอนปฏิเสธข้อครหาที่ว่าอิหร่านให้การช่วยเหลือกบฏฮูตีในเยเมน โดยกลุ่มฮูตีได้ขัดขวางการค้าโลกด้วยการโจมตีเรือพาณิชย์ที่ล่องผ่านทะเลแดงแบบต่อเนื่อง เพื่อกดดันให้อิสราเอลยุติสงครามในฉนวนกาซา

“ชาวเยเมนและประเทศอื่น ๆ ในตะวันออกกลางที่ปกป้องชาวปาเลสไตน์นั้นกระทำสิ่งต่าง ๆ ลงไปตามประสบการณ์ส่วนตัวและความต้องการของตนเอง พวกเขาไม่ได้รับคำสั่งจากใคร รวมถึงจากสหรัฐ”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ม.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top