นายมิโซ ดาส นักยุทธศาสตร์ด้านตราสารทุนเอเชียของเจพีมอร์แกนกล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า อินเดียคือตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในเอเชีย และเป็นหนึ่งในตลาดที่ได้รับความนิยมในระดับโลก
นายดาสกล่าวว่า “นี่คือตลาดอันดับหนึ่งของเราในขณะนี้” โดยเน้นย้ำว่าอินเดียจะยังคงได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาลแบบต่อเนื่อง ในขณะที่บริษัทต่าง ๆ หันมาใช้กลยุทธ์ “จีนบวกหนึ่ง” (China-plus-one) เพิ่มมากขึ้น โดยกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นการกระจายความเสี่ยงจากจีน
แม้ว่าเวียดนามจะเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งสำหรับบริษัทต่าง ๆ ที่กำลังมองหาที่ตั้งโรงงานผลิต แต่นายดาสกล่าวว่า “อินเดียมีขนาดที่ใหญ่และมีพื้นที่มากเพียงพอที่จะทดแทน หรือเพิ่มกำลังการผลิตในแบบที่นักลงทุนและผู้ผลิตทั่วโลกต้องการ”
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า แอปเปิ้ลเปิด Apple Store แห่งแรกในอินเดียเมื่อเดือนเม.ย. 2566 และเริ่มต้นผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่น iPhone 15 ในอินเดียตั้งแต่เดือนส.ค. 2566 ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่อื่น ๆ หันมามองอินเดียในฐานะจุดหมายปลายทางที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินงานด้านการผลิต
บรรดาบริษัทที่มีฐานการผลิตในอินเดียอยู่แล้วก็กำลังขยายกำลังการผลิตเช่นกัน โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มารูตี ซูซูกิ (Maruti Suzuki) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของอินเดีย ประกาศว่าจะทุ่มเม็ดเงินลงทุน 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างโรงงานแห่งที่ 2 ในประเทศ
นอกจากนี้ แม้แต่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของเวียดนามเองอย่าง วินฟาสต์ (Vinfast) ก็ได้กล่าวเมื่อต้นเดือนนี้ว่า บริษัทตั้งเป้าจะจัดสรรงบประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างโรงงานในอินเดีย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ม.ค. 67)
Tags: จีน, นักลงทุน, อินเดีย, เจพีมอร์แกน, เอเชีย