ผลสำรวจครั้งใหม่แสดงให้เห็นว่า ข้อกังวลหลักของเหล่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของระบอบประชาธิปไตยหรือเศรษฐกิจที่เข้มแข็งนั้นสะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติที่แตกแยกกันทั่วทั้งสหรัฐ
ผลสำรวจของ CBS/YouGov ที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ (14 ม.ค.) ก่อนหน้าการเลือกตั้งขั้นต้นในรัฐไอโอวาเพียงหนึ่งวัน เปิดเผยว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งครึ่งหนึ่งรู้สึกว่า สำหรับสหรัฐแล้วการดำรงอยู่ของสังคมประชาธิปไตยนั้นเป็นข้อกังวลที่มีความสำคัญกว่าประเด็นการมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้งอีกครึ่งหนึ่งมองว่าการมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเป็นข้อกังวลที่สำคัญมากกว่า
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่สนับสนุนพรรคเดโมแครตทั้งหมด 64% มองว่า การดำรงอยู่ของสังคมประชาธิปไตยนั้นเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญมากกว่า และกว่าหนึ่งในสามของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่สนับสนุนพรรครีพับลิกันและผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดมากกว่าครึ่ง ก็รู้สึกแบบเดียวกัน
ขณะที่ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่สนับสนุนพรรครีพับลิกัน 65% มองว่าเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากกว่า
นอกจากนี้ ผลการสำรวจพบว่า นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐมีคะแนนนิยมตามหลังผู้สมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคริพับลิกันเพื่อลงสนามเลือกตั้งประธานาธิบดีรายสำคัญ ๆ
นางนิกกี เฮลีย์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำองค์การสหประชาชาติ (UN) จากพรรคริพับลิกัน, นายรอน เดซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาจากพรรคริพับลิกัน และนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ล้วนมีคะแนนนำหน้าปธน.ไบเดน โดยที่นางเฮลีย์มีคะแนนนำอยู่ 8 คะแนน ซึ่งมากที่สุดในบรรดาผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันทั้งสามคน
รายงานของแอ็กซิออส (Axios) ระบุว่า การสำรวจความคิดเห็นของผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน 2,870 คน ระหว่างวันที่ 10-12 ม.ค. มีโอกาสผิดพลาดบวก/ลบ 2.5 จุดเปอร์เซ็นต์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ม.ค. 67)
Tags: ประชาธิปไตย, ผลสำรวจ, เศรษฐกิจสหรัฐ, โพล