บริษัทขนส่งน้ำมันทางทะเลรายใหญ่ของโลกหลายแห่งยุติการเดินเรือไปยังทะเลแดงตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ม.ค.) หลังจากที่สหรัฐและสหราชอาณาจักรโจมตีทางอากาศใส่กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่าฮาฟเนีย (Hafnia) ทอร์ม (Torm) และสเตนา บัลก์ (Stena Bulk) ยืนยันว่าได้ยุติการส่งเรือไปยังทะเลแดงจริง โดยปฏิบัติตามคำแนะคำของกองกำลังทางทะเลร่วม (CMF) ซึ่งนำโดยสหรัฐ
บรรดาบริษัทดังกล่าวคือผู้ให้บริการเรือขนส่งเชื้อเพลิงรายใหญ่ระดับต้น ๆ ของโลก โดยให้บริการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เช่น น้ำมันเบนซิน ส่วนสเตลา บัลก์ ให้บริการขนส่งน้ำมันดิบด้วยเช่นกัน
นางชีนา วิลเลียมสัน-โฮลท์ โฆษกของฮาฟเนีย ระบุในแถลงการณ์ถึงสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า “เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและเพื่อให้สอดคล้องกับคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ เราได้ตัดสินใจระงับการส่งเรือทุกลำไปยังบริเวณใกล้เคียงหรือภายในบริเวณเหล่านั้นโดยทันที”
สมาคมเจ้าของเรือบรรทุกน้ำมันอิสระระหว่างประเทศได้ออกแถลงการณ์แนะนำให้เรือต่าง ๆ หลีกเลี่ยงช่องแคบบับเอลมันเดบเป็นเวลาหลายวัน โดยสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เรือต่าง ๆ ควรพิจารณาหลีกเลี่ยงพื้นที่ไว้ก่อน
ข้อมูลจากเคปเลอร์ (Kpler) บริษัทวิเคราะห์การค้าทางทะเล ระบุว่า ช่องแคบบับเอลมันเดบเชื่อมต่ออ่าวเอเดนกับทะเลแดง โดยมีเรือบรรทุกน้ำมันดิบและเชื้อเพลิงต่าง ๆ ประมาณ 7 ล้านบาร์เรล เดินเรือผ่านทะเลแดงทุกวัน
นางเฮลิมา ครอฟท์ จากอาร์บีซี แคปิตอล มาร์เก็ตส์ (RBC Capital Markets) กล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า “ตลาดกำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่าสถานการณ์นี้จะขยายไปถึงเส้นทางน้ำมันหลักอื่น ๆ เช่น ช่องแคบฮอร์มุซ หรือไม่” โดยข้อมูลของเคปเลอร์ระบุว่า ช่องแคบฮอร์มุซมีการขนส่งน้ำมันดิบและเชื้อเพลิงประมาณ 18 ล้านบาร์เรลต่อวัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ม.ค. 67)
Tags: กลุ่มกบฏฮูตี, ทะเลแดง, สหรัฐ, อังกฤษ, เรือขนส่งน้ำมัน, โจมตีทางอากาศ