นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งซึมตัว นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนหลังสหรัฐรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสูงกว่าคาด ทำให้บรรยากาศการลงทนโดยรวมเป็นลบ ขณะที่เงินบาททรงตัวอาจทำให้ต่างชาติขายหุ้นไทยอยู่ นอกจากนี้อิหร่านได้เข้ายึดเรือบรรทุกน้ำมันที่เคยมีข้อพิพาทกับสหรัฐ ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นน่าจะส่งผลดีกับหุ้นพลังงาน โดยให้กรอบดัชนีแนวรับ 1,400 จุด แนวต้าน 1,420 จุด ถ้ายืนได้ Sentiment น่าจะกลับมาในทางบวก
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งซึมตัว นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนหลังสหรัฐเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อสูงกว่าที่ตลาดคาด ทำให้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมน่าจะยังเป็นลบ ขณะที่เงินบาททรงตัวในระดับอ่อนค่าอยู่ อาจจะทำให้นักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นไทยอยู่
นอกจากนี้สื่ออิหร่าน รายงานว่ากองทัพเรืออิหร่านได้เข้ายึดเรือบรรทุกน้ำมันซึ่งเคยมข้อพิพาทกับสหรัฐ ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นมา ซึ่งอาจส่งผลดีกับหุ้นพลังงาน อย่างไรก็ตามอาจจเป็นแค่ประคองตลาดไม่ให้ปรับตัวลงต่ำว่าระดับ 1,400 จุด ซึ่งหากลงมาที่ระดับ 1,400 จุด อาจมีการดีดกลับได้
โดยให้กรอบดัชนีแนวรับ 1,400 จุด แนวต้าน 1,420 จุด ถ้ายืนได้ Sentiment น่าจะกลับมาในทางบวก
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (11 ม.ค.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,711.02 จุด เพิ่มขึ้น 15.29 จุด หรือ +0.04% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,780.24 จุด ลดลง 3.21 จุด หรือ -0.07% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,970.19 จุด เพิ่มขึ้น 0.54 จุด หรือ +0.004%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,216.97 จุด ลดลง 85.07 จุด หรือ -0.52% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 2,880.04 จุด ลดลง 6.61 จุด หรือ -0.23% ส่วนดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 35,601.65 จุด พุ่งขึ้น 551.79 จุด หรือ +1.57% โดยเป็นระดับเปิดสูงสุดในรอบ 34 ปี
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ม.ค.) ที่ 1,408.24 จุด ลดลง 5.28 จุด (-0.37%) มูลค่าการซื้อขาย 35,536.61 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,007.04 ล้านบาท (11 ม.ค.)
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.(11 ม.ค.) เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 72.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 ม.ค.) อยู่ที่ 6.79 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 34.99 แนวโน้มแข็งค่า ราคาทองพุ่งหนุน ให้กรอบวันนี้ 34.85-35.15
– “คลัง” เตรียมตั้งบริษัทร่วมทุน JV AMC โดยธนาคารออมสินจะถือหุ้น ในส่วน 50% ใน “เอเอ็มซี” แห่งใหม่ คาดเริ่มภายในไตรมาสแรกปีนี้ ตั้งเป้าลุยแก้หนี้เสีย 3 ล้านบัญชี ยอดหนี้กว่า 2 แสนล้าน “ออมสิน” ขานรับเปิดโอนลูกหนี้ “แบงก์รัฐ” เข้าบริหารวงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท
– ตลท. งัดจับหุ้นเก็งกำไร ทั้งระบบ ปรับมาตรการกำกับซื้อขาย เพิ่มกรองหุ้นก่อน-หลังหากราคาหุ้น ยังผิดปกติภายใน 1 เดือน เจอมาตรการซ้ำสอง และเพิ่มระดับปรับเกณฑ์ขึ้นเครื่องหมาย C แจงยิบสถานะหุ้นมีปัญหา จ่อหารือ “โปรแกรมเทรดและชอร์ตเซล” สัปดาห์หน้า พร้อมเรียกเชื่อมั่นต่อ ลุ้นแนวโน้มหุ้นไทยปี 67 “ฟันด์โฟลว์” กลับ
– ตลาดหลักทรัพย์ฯ เคาะขยายเวลาซื้อ-ขายหุ้นภาคบ่ายเป็น 14.00-16.30 น. ส่งผลมีเวลาเทรดหุ้นจาก 4 ชั่วโมง 30 นาที เป็น 5 ชั่วโมงต่อวัน คาดเริ่มปลายไตรมาส 1 หรือต้นไตรมาส 2 ปีนี้ ด้าน “โปรแกรมเทรด” ล่าสุดจ้างต่างชาติเข้ามาช่วยตรวจสอบ ส่วน “ภากร” มั่นใจกำไรบจ.ปี 67 สูงกว่าปีก่อน กลุ่มแบงก์น่าสนใจ
– “ซีอีโอ บิทคับ” ส่องอนาคตบิทคอยน์จะโดดเด่น รับสองเด้ง จาก ก.ล.ต.สหรัฐ อนุมัติ ETF ดันเม็ดเงินกองทุนเข้า ขณะที่เมษายนปีนี้จะมีการฮาล์ฟวิ่ง สถิติชี้อีก 6 เดือนมักดีด เตรียมพร้อมรองรับกระแสการกลับมาของดิจิทัลแอสเซท ชูทรานส์เซ็กชั่น บิทคับ เชนสูง 400 ล้านทรานส์เซ็กชั่น เห็นด้วย ก.ล.ต.ไทย หุ้นออก ICO
*หุ้นเด่นวันนี้
– KCG (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12 บาท คาดกำไรไตรมาส 4/66 ที่ 138 ลบ. +150% q-q, +21% y-y จากรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นตาม Festive Season และการขยายกำลังผลิตชีสแผ่น IWS จบปี 2023 คาดกำไรที่ 303 ลบ. +26% y-y
เราคาดว่า KCG กำลังอยู่ในช่วงเติบโตจากทั้งตลาดเนยและชีสเติบโตต่อเนื่องปีละ 5-7% รวมถึงการขยายกำลังการผลิตทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ เราคาดกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 349 ลบ. +16% y-y แนวรับ 9//8.80-8.75 บาท แนวต้าน 9.50-9.55 บาท
– MEB (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 40.00 บาท กำไรสุทธิงวด 9 เดือนปี66 อยู่ที่ 275.30 ลบ. +14.02%YoY ยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องตามรายได้ (+11.58%YoY) ที่ขยับขึ้นทั้งในส่วนของแพลตฟอร์ม meb และ readAwrite สำหรับการดำเนินงานในไตรมาส 4/66 คาดว่าจะยังคงสดใสเป็น High Season มีการออกหนังสือใหม่ๆรับสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ส่วนช่วงถัดไปปี 67 คาดต้นปีจะได้ประโยชน์จากมาตราการ e-recepit นอกจากนี้ภาพรวมทั้งปียังจะมีแรงหนุนจากการ เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่สำหรับอ่าน e-book ในรูปแบบภาษาอังกฤษ โดยด้านผู้บริหารเองวางเป้ารายได้ปี67 โตราว +10%YoY ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิปี66 และ ปี67 ของ MEB* ที่ 375 ลบ.(+14%YoY) และ 446 ลบ.(+18%YoY)
– ITC (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 23.50 บาท คาดกำไร ไตรมาส 4/66 ที่ 779 ล้านบาท (+19%y-y, +21%q-q) ซึ่งจะเป็นจุดสูงสุดของปี 2566 แรงหนุนจากคำสั่งซื้อที่มากขึ้นจาก US และ EU อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะดีขึ้น โดยมีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้นราว 2-3% ปัญหาทะเลแดง ยังไม่ส่งผลกระทบในช่วงสั้น เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการขายแบบ FOB
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ม.ค. 67)
Tags: ตลาดหุ้น, หุ้นไทย, อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล