ซิตี้กรุ๊ปซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐเตือนว่า การขาดทุนที่เกิดจากการแปลงค่าเงินเปโซอาร์เจนตินาและค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างองค์กรนั้น อยู่ในระดับสูงกว่าที่นายมาร์ค เมสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (CFO) ของซิตี้กรุ๊ปได้เปิดเผยเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ซิตี้กรุ๊ประบุว่า ผลประกอบการไตรมาส 4/2566 ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในช่วงเช้าวันศุกร์นี้ (12 ม.ค.) ได้รับผลกระทบจากการขาดทุนที่เกิดขึ้นจากการแปลงสกุลเงินเปโซประมาณ 880 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการปรับโครงสร้างองค์กรมูลค่า 780 ล้านดอลลาร์ โดยการปรับโครงสร้างดังกล่าวเกี่ยวข้องกับโครงการปรับปรุงคุณภาพองค์กรซึ่งริเริ่มโดยนางเจน เฟรเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของซิตี้กรุ๊ป
ทั้งนี้ ค่าจ่ายใช้เหล่านั้นอยู่ในระดับสูงกว่าที่นายเมสันได้แจ้งให้นักลงทุนทราบเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ในการประชุมซึ่งจัดโดยโกลด์แมน แซคส์
ซิตี้กรุ๊ปมีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 4/2566 และผลประกอบการปีงบการเงิน 2566 ในวันศุกร์นี้ เช่นเดียวกับเจพีมอร์แกน เชส, แบงก์ ออฟ อเมริกา, และเวลส์ ฟาร์โก
ทีมนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐจะรายงานผลกำไรลดลงในไตรมาส 4/2566 เนื่องจากผลกระทบจากการที่ธนาคารต้องกันเงินทุนสำรองเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับลูกค้าที่ผิดนัดชำระหนี้ และคาดว่ากำไรจะปรับตัวลงเนื่องจากธนาคารต้องจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อรักษาเงินในบัญชีของผู้ฝากเงิน
นอกจากนี้ คาดว่าธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐจะต้องรับผิดชอบในการเติมเม็ดเงินเข้าสู่กองทุนของบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) หลังจากเม็ดเงินไหลออกจากกองทุนดังกล่าว อันเนื่องมาจากการล่มสลายของซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ และซิกเนเจอร์แบงก์
ด้านนักวิเคราะห์ที่ได้รับการสำรวจโดยแอลเอสอีจี (LSEG) คาดการณ์ว่า กำไรต่อหุ้น (EPS) ของแบงก์ออฟอเมริกาอาจลดลง 23% ในไตรมาส 4/2566 เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะเดียวกันคาดว่า EPS ของซิตี้กรุ๊ปและมอร์แกน สแตนลีย์ อาจลดลง 25% และ 17% ตามลำดับ, EPS ของเจพีมอร์แกน อาจลดลง 3% และ EPS ของโกลด์แมน แซคส์ อาจลดลง 2%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ม.ค. 67)
Tags: ซิตี้กรุ๊ป, ซิตี้แบงก์, สหรัฐ