ค่าระวางเรือทั่วโลกโลกส่อแววพุ่ง หลังสายการเดินเรือเลี่ยงทะเลแดงหวั่นฮูตีโจมตี

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ห่วงโซ่อุปทานโลกเริ่มรับรู้ถึงผลกระทบจากกรณีที่กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนโจมตีเรือพาณิชย์ในทะเลแดงแล้ว โดยค่าระวางเรือมีแนวโน้มจะพุ่งขึ้นในวันจันทร์ที่ 15 ม.ค. ขณะที่ ระยะเวลาการเดินทางที่ยาวนานขึ้นจากการอ้อมไกลผ่านทวีปแอฟริกาได้สร้างผลกระทบและก่อให้เกิดความล่าช้าในการจัดส่งสินค้า

ทั้งนี้ ฮอเนอร์ เลน ชิปปิง (Honour Lane Shipping – HLS) ได้แจ้งลูกค้าผ่านทางอีเมลว่า เรือไม่สามารถเดินทางกลับมาเอเชียได้ตรงเวลาและบรรดาสายการเดินเรือต้องยกเลิกกำหนดการเดินเรือแบบกระชั้นชิด ซึ่งทั้งหมดเกิดจากผลพวงของการเปลี่ยนเส้นทางการเดินเรือ

เสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิ รองเท้า อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน อิเล็กทรอนิกส์ เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งลานบ้านและสระน้ำเป็นเพียงสินค้าส่วนหนึ่งที่บรรทุกโดยเรือที่ต้องเปลี่ยนเส้นทางขนส่ง โดยเมื่อไม่นานมานี้ เน็กซ์ (Next) ได้เตือนเรื่องความล่าช้าในการจัดส่งสินค้าเนื่องจากเรือต้องเดินทางไกลกว่าเดิม ขณะเดียวกันอิเกียก็ออกมาเตือนในเดือนธ.ค.เกี่ยวกับวิกฤตห่วงโซ่อุปทานของทางบริษัทจากผลพวงของความขัดแย้งในทะเลแดง

“การปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือทำให้ระยะเวลาในการขนส่งสินค้ายาวนานขึ้นและทำให้ต้นทุนสูงขึ้น” นายจอน โกลด์ รองประธานฝ่ายห่วงโซ่อุปทานของสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐ (National Retail Federation – NRF) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี พร้อมกล่าวเสริมว่า “ยิ่งปัญหานี้ดำเนินไปนานเพียงใด ความท้าทายในการรับประกันความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานก็จะเพิ่มสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว”

นายโกลด์ระบุว่า กลุ่มผู้ค้าปลีกวางแผนใช้กลยุทธ์เพื่อป้องกันภาวะติดขัดเพิ่มเติมด้วยการเลื่อนจัดส่งสินค้าสำคัญให้เร็วขึ้นและเปลี่ยนเส้นทางขนส่งไปยังชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐ

เอ็มเอสซี (MSC) ซึ่งเป็นสายการเดินเรือรายใหญ่ที่สุดของโลก เป็นบริษัทขนส่งแห่งแรกที่ประกาศอัตราค่าระวางเรือสำหรับช่วงครึ่งหลังของเดือนม.ค. โดยเริ่มตั้งแต่วันจันทร์หน้า อัตราค่าระวางเรือของเอ็มเอสซีสำหรับเส้นทางชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐจะอยู่ที่ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเส้นทางชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอยู่ที่ 6,900 ดอลลาร์สหรัฐ และเส้นทางอ่าวเม็กซิโกจะอยู่ที่ 7,300 ดอลลาร์สหรัฐ

“อัตราค่าระวางเรือเพิ่มขึ้นมากอย่างไม่น่าเชื่อ” HLS ระบุ

นักวิเคราะห์ของบริษัทคูห์เนพลัสเนเกิล (Kuehne+Nagel) ระบุว่า ปัจจุบันมีเรือ 419 ลำที่ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือเพราะสถานการณ์ในทะเลแดง โดยขีดความสามารถการบรรทุกสินค้ารวมทั้งหมดอยู่ที่ 5.65 ล้านตู้คอนเทนเนอร์หรือทีอียู โดยคิดเป็นมูลค่ารวม 2.825 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ม.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top