ก.ล.ต. ประกาศรายชื่อผู้เข้าร่วมโครงการ “ตลาดทุนไทย ร่วมใจส่งพลังความรู้ สู่ประชาชน” ประจำ Q4/66

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการ “ตลาดทุนไทย ร่วมใจส่งพลังความรู้ สู่ประชาชน” ซึ่งได้จัดทำขึ้นเพื่อผนึกกำลังผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุนร่วมสร้างความรู้ความเข้าใจและทักษะด้านการเงินการลงทุน (Financial Literacy) ให้แก่ผู้ลงทุนและประชาชน ในปี 2566 โดยมีผู้ประกอบธุรกิจให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการแล้วมากกว่า 30 แห่ง

โครงการ “ตลาดทุนไทย ร่วมใจส่งพลังความรู้ สู่ประชาชน” เป็นส่วนหนึ่งภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาทักษะทางการเงิน พ.ศ. 2565-2570 ของกระทรวงการคลัง โดย ก.ล.ต. ได้ประกาศเชิญชวนผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เข้าร่วมโครงการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 เป็นต้นมา และมีผู้ประกอบธุรกิจให้ความสนใจและแสดงความจำนงในการเข้าร่วมโครงการดังกล่าวแล้วมากกว่า 30 แห่ง โดยในจำนวนนี้มีผู้ประกอบธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการครั้งแรก ณ ไตรมาส 3 ปี 2566 จำนวน 7 แห่ง

สำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่ร่วมดำเนินกิจกรรมการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและพัฒนาทักษะในด้านการเงินการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุนและประชาชน ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาในการเชิดชูเกียรติและได้รับใบประกาศเกียรติคุณจาก ก.ล.ต. ประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2566 จำนวน 21 แห่ง มีรายชื่อดังนี้

1) กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร

2) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด

3) บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

4) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)

5) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด

6) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)

7) บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

8) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด

9) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด

10) บริษัท จีเอ็มโอ-แซด.คอม คริปโทนอมิคซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

11) บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด

12) บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)

13) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด

14) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด

15) บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด

16) บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน โรโบเวลธ์ จำกัด

17) บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด

18) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน สแทชอเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด

19) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด

20) บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

21) ธนาคารออมสิน

นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกอบธุรกิจที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาในการเชิดชูเกียรติ และได้รับใบประกาศเกียรติคุณจาก ก.ล.ต. ประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2566 มาแล้ว และร่วมกิจกรรมนี้อย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ 1) บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 2) บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และ 3) บริษัทหลักทรัพย์ เว็ลธ์ เมจิก จำกัด

“โจทย์ใหญ่ข้อหนึ่งของ ก.ล.ต. คือ ทำอย่างไรให้คนไทยมีความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยโครงการ “ตลาดทุนไทย ร่วมใจส่งพลังความรู้ สู่ประชาชน” ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมซึ่งเกิดจากผนึกกำลังร่วมกันของภาคธุรกิจ โอกาสนี้ ก.ล.ต. จึงขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบธุรกิจทั้ง 24 แห่ง ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของพลังความรู้ เพื่อส่งต่อความรู้ด้านการเงินและการลงทุนแก่ประชาชนให้นำไปปรับใช้ในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีในอนาคต โดยมีตลาดทุนไทยที่พร้อมรองรับและประชาชนทุกช่วงวัยสามารถเข้าถึงได้ พร้อมกันนี้ขอเชิญชวนผู้ประกอบธุรกิจที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมกับ ก.ล.ต. ภายใต้โครงการนี้ ซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่องในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้” นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าว

กิจกรรมเสริมสร้างความรู้ที่ผู้ประกอบธุรกิจดำเนินการและส่งรายงานมายัง ก.ล.ต. นั้น ถือเป็นการให้ความรู้นอกเหนือจากการดำเนินการปกติในรูปแบบหลากหลาย เช่น การจัดทำสื่อความรู้ด้านการเงินการลงทุนเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย หรือศูนย์การเรียนรู้ขององค์กรโครงการพัฒนาทักษะการเงินการลงทุนในรูปแบบการแข่งขันเชิงสร้างสรรค์ให้เยาวชนและนักศึกษา การจัดอบรมความรู้ด้านการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณหลักสูตรอบรมสร้างวิทยากรจิตอาสานำความรู้ด้านการเงินให้แก่ชุมชน เป็นต้น ทั้งนี้ นับตั้งแต่ริเริ่มโครงการ(กรกฎาคม 2566) – ปัจจุบัน สามารถส่งต่อความรู้ด้านการเงินการลงทุนให้เข้าถึงประชาชนทั่วประเทศแล้วเป็นจำนวนมากกว่า 3 ล้านราย

โครงการ “ตลาดทุนไทย ร่วมใจส่งพลังความรู้ สู่ประชาชน” ในระยะแรก (เฟสที่ 1) จะดำเนินไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567 และประกาศรายชื่อผู้เข้าร่วมโครงการรายไตรมาสครั้งต่อไปในวันเดียวกัน ผู้ประกอบธุรกิจที่สนใจ สามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการ และนำส่งรายงานผลการดำเนินกิจกรรมให้ความรู้ ได้ตั้งแต่วันนี้ – วันที่ 31 มีนาคม 2567 ทางอีเมล [email protected] โดยศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและดาวน์โหลดแบบฟอร์มเข้าร่วมโครงการได้ที่ www.sec.or.th/educationcampaign

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ม.ค. 67)

Tags: ,
Back to Top