พรรคร่วมรัฐบาลขนบรรดาแกนนำร่วมทำกิจกรรมในพื้นที่ฐานเสียงอย่างคึกคักเพื่อประชาสัมพันธ์ผลงานตามนโยบายของตัวเองตามที่เคยหาเสียงไว้ โดยพรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคฯ นำทีมไปที่โรงพยาบาลจตุรพักตรพิมาน อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อตรวจเยี่ยมความพร้อมในการดำเนินนโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” ซึ่งนำร่องเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกพร้อมกับอีก 3 จังหวัด คือ แพร่ เพชรบุรี และนราธิวาส
โดยจังหวัดร้อยเอ็ดได้เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพในหน่วยบริการทุกระดับเป็นระบบเดียวทั้งจังหวัด รวมถึงระบบ Provider ID ของบุคลาการทางการแพทย์ให้สามารถออกประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ ออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัล สิทธิบัตรทอง สามารถใช้บริการที่คลินิกเวชกรรม คลินิกทันตกรรม ร้านแล็ป ร้านยาเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ สำหรับผู้ที่ยืนยันตัวตน หากมีแอปพลิเคชันหมอพร้อมจะมีข้อมูลสุขภาพและประวัติการรักษาในหมอพร้อม สามารถจองคิวเข้ารับบริการตรวจรักษา บริการการแพทย์ทางไกล เภสัชกรรมทางไกล นัดหมายออนไลน์ได้ ใบรับรองแพทย์ดิจิทัล ซึ่งช่วยลดความแออัด ลดระยะเวลารอคอย ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า จากการเยี่ยมชมความพร้อมในการให้บริการประชาชนแล้วขอชื่นชมบุคลากรทุกคน ซึ่งทำให้มั่นใจว่านโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่จะสามารถอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้มากขึ้นจากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ที่ริเริ่มเมื่อ 22 ปีที่แล้วโดยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ซึ่งวันนี้ได้อัพเกรดให้ดีมากยิ่งขึ้น
“ดีใจมากๆ ที่ได้เห็นการพัฒนาและความก้าวหน้าของนโยบายนี้ ทำให้มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นการทำให้ชีวิตของพี่น้องประชาชนดีขึ้นจริงๆ ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกันผลักดันนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคเมื่อ 22 ปีที่แล้ว ที่ทุกคนบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่วันนี้เราพิสูจน์แล้วว่าเป็นไปได้และทำให้ชีวิตของทุกท่านๆ ดีขึ้นมาตลอด 22 ปีนี้ ต่อจากนี้รัฐบาลมีหน้าที่ทำให้นโยบายที่ดียิ่งขึ้นไปอีก เพื่อให้ทำให้ชีวิตประชาชนดีขึ้นไปอีก นอกจากนี้รัฐบาลยังมีนโยบายดีๆ ที่จะผลักดันให้พี่น้องประชาชน ทั้งซอฟต์เพาเวอร์ เพิ่มตำแหน่งงาน การแก้ปัญหายาเสพติดเด็ดขาด การยกระดับราคาสินค้าเกษตรและอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ทำให้เราได้มีโอกาสมาทำให้ชีวิตพี่น้องประชาชนดีขึ้นอีกครั้ง” น.ส.แพทองธาร กล่าว
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่เป็นนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาว่าจะต้องเริ่มต้นขับเคลื่อนภายใน 100 วันตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ซึ่งจะเป็นการการวางภาพอนาคตระบบสาธารณสุขรูปแบบใหม่ เพื่อปิดช่องว่าง ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มการเข้าถึงบริการของประชาชน ภายใต้เป้าประสงค์หลัก “ยกระดับ 30 บาท รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน” ซึ่งรัฐบาลตั้งใจที่จะทำให้บัตรประชาชนเปรียบเสมือนบัตรสุขภาพของคนไทยทุกคนที่จะสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาล ทั้งของรัฐ เอกชน คลินิกเอกชน ร้านยา ห้องแล็ป ห้องปฏิบัติการ รวมถึงร้านยาใกล้บ้าน
ในระยะแรกจะนำร่อง 4 จังหวัด ได้แก่ ร้อยเอ็ด เพชรบูรณ์ นราธิวาส และแพร่ ซึ่งวันนี้เปิดให้บริการพร้อมกัน ในระยะที่ 2 ต้นเดือน มี.ค.67 จะขยายไปอีก 8 จังหวัด คือ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สิงห์บุรี สระแก้ว หนองบัวลำภู นครราชสีมา อำนาจเจริญ และพังงา ส่วนระยะที่ 3 เมื่อเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลได้ครอบคลุมทุกจังหวัดภายใน 1 ปี โดยตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาโรงพยาบาลในรูปแบบเดิมไปสู่ระบบการให้บริการแบบดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวก เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพในทุกหน่วยบริการให้เป็นระบบเดียว ให้บริการสุขภาพในรูปแบบดิจิทัลเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดในการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำทีมแกนนำพรรคจัดกิจกรรม พปชร.สัญจรครั้งแรกที่หอประชุมเทศบาลเมืองวิเชียรบุรี อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ เพื่อประชาสัมพันธ์ผลงานการผลักดันนโยบายของพรรคตามที่ได้หาเสียงไว้ผ่าน 3 กระทรวงที่ดูแลอยู่ คือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงสาธารณ
“ทำงานมาเป็นเวลา 3 เดือน ถือว่าเป็นระยะเวลาพอสมควรที่จะออกมาพบปะและรับฟังปัญหาความต้องการของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่างๆ โดยตรง เรามีนโยบายที่จะมาดูแลแก้ปัญหาให้กับคนไทยทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ สังคม เกษตรกรการบริหารจัดการน้ำ การบริหารจัดการที่ดิน และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างเกษตรกรที่ได้รับการแปลงเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก.4-01 เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร ที่จะทำให้เกษตรกรสามารถนำทุนที่ได้มาต่อยอดและพัฒนาผลผลิตให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น สามารถเพิ่มรายได้และความมั่นคงในอาชีพ” พล.อ.ประวิตร กล่าว
หัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า เราก้าวข้ามความขัดแย้ง จะยืนหยัดเคียงข้างประชาชนตลอดไป ตนอยากบอกชาวเพชรบูรณ์ว่าการผลักดันอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพให้เป็นมรดกโลกแห่งใหม่ของไทยในรอบ 31 ปี เป็นนโยบายของตนได้ผลักดันจนประสบความสำเร็จได้เป็นมรดกโลกแห่งที่ 7 ของไทย
ด้าน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค ในฐานะประธานกิจกรรมพิเศษ กล่าวว่า นโยบายที่เกี่ยวข้องกับประชาชนด้านอื่นๆ พรรคร่วมรัฐบาลที่เหลือแบ่งความรับผิดชอบกันไปตามที่ได้รับมอบหมาย ดังนั้นยังมีนโยบายอีกมากที่ได้ประกาศไว้แต่ยังไม่สามารถผลักดันให้ออกมาเป็นรูปธรรมได้ทั้งหมด และจะจัดกิจกรรมสัญจรพบปะประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อนำนโยบายและข้อมูลในการบริหารงานของรัฐที่เป็นประโยชน์มาชี้แจงกับประชาชน พร้อมทั้งรับฟังข้อเสนอแนะ และปัญหาจากประชาชนโดยตรงด้วย
สำหรับจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นพื้นที่ที่มีประชาชนประสบกับปัญหาในเรื่องเอกสารสิทธิ์ที่ดินที่ทำกินจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่มีเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก.4-01 จึงได้ให้มาฟังคำชี้แจงผู้แทนหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนเป็น ส.ป.ก.เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ม.ค. 67)
