INTERVIEW: HOME SWEET HOME หนังเกมผีไทย เขย่าวงการฮอลลีวูด!!

บมจ.อิ๊กดราซิล กรุ๊ป (YGG) เปิดเกมรุกหนักธุรกิจภาพยนตร์ในปี 67 หลังจากต่อยอดจากธุรกิจเกมก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์ในปีที่แล้วด้วยการจับมือกับบิ๊กเนมจากสหรัฐหยิบเกมระทึกขวัญไปสร้างหนังฟอร์มยักษ์ “Home Sweet Home Rebirth” หวังขึ้นไปเฉิดฉายในฮอลลีวูด เตรียมส่งลงจอฉายในโรงหนัง และ OTT Platform สร้างรายได้จากธุรกิจใหม่เข้ามาหนุนผลงานปีนี้ทำนิวไฮ

นายธนัช จุวิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร YGG ให้สัมภาษณ์กับ “อินโฟเควสท์” ว่า หลังจากบริษัทส่ง Home Sweet Home ร่วมโชว์ผลงานในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ครั้งที่ 76 วันที่ 16-27 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็มีเสียงตอบรับจากฝั่งฮอลลีวูด อยากนำ Home Sweet Home มาผลิตเป็นภาพยนตร์ เป็นจุดเริ่มต้นของ YGG จับมือกับพันธมิตรรายใหญ่จากสหรัฐอเมริกาเพื่อสร้างภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง “Home Sweet Home Rebirth” โฮมสวีตโฮม รีเบิร์ธ)

Home Sweet Home Rebirth เป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดแนวเขย่าขวัญ เหนือธรรมชาติ ดัดแปลงมาจากเกมผจญภัยระทึกขวัญที่ทำยอดขายมากกว่า 1 ล้านชุดทั่วโลก คือ Home Sweet Home ของ “อิ๊กดราซิล กรุ๊ป” ซึ่งเป็นผู้พัฒนา ได้นักแสดงหญิงอันดับต้นๆ ของไทย อย่าง ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ ประกบกับดาราดังระดับฮอลลีวูดทั้ง Michele Morrone, William Moseley และ Alexander Lee นักแสดงและสมาชิกวงไอดอลเกาหลี โดยมีโปรดิวเซอร์ชื่อดัง ดีท อัลทิท ผู้สร้างหนัง Realms และ The Misfits และผู้กำกับที่มีชื่อเสียงมากประสบการณ์ Alexander Kiesl และ Steffen Hacker ร่วมงาน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการถ่ายทำ คาดว่าจะสามารถนำออกฉายในทั้งโรงภาพยนตร์ หรือ OTT Platform ไปทั่วโลกในปี 67

 

ร่างบทใหม่-ขยายฐานคนเล่นเกมรอลุ้นทำภาคต่อ 2-3 ทันที

 

ซีอีโอ YGG ระบุว่า หากหนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จตามที่หวังไว้ บริษัทก็มีแผนจะสร้างในภาคต่อออกมาอีก และยังมองการทำแฟรนไชส์เกมด้วยเพื่อขยายกลุ่มผู้เล่นให้มากขึ้น และเมื่อผู้เล่นเกมมากขึ้นก็จะเป็นการต่อยอดไปสู่ฐานผู้ชมภาพยนตร์ต่อไป

“จากการที่เราได้ลงทุนด้านหนัง เราก็ได้รู้จักกันฝั่ง Distribution มากขึ้น หรือคนที่เข้ามาซื้อคอนเทนต์ต่อจากเราไป หากประสบความสำเร็จในฝั่งนี้เราจะสามารถขยาย Network ได้มากขึ้น เราก็จะสามารถทำในเรื่อง 2 และ 3 ต่อไป โดยแผนของเราคือ ภาคแรกเราจะเรียกความเชื่อมั่นว่า คือ มันสามารถเกิดรายได้ได้จริง ไม่ใช่แค่ฝัน และเราก็มองต่อว่า หากเราทำได้แล้ว เราก็จะ Start ต่อเลย ในเรื่องที่ 2 และ 3” นายธนัช กล่าว

มุ่งสู่เป้าส่วนแบ่งรายได้ธุรกิจใหม่ 30-40% สร้างฐาน Recurring income

 

นายธนัช ระบุว่า การต่อยอดจากธุรกิจเกมไปสู่ภาพยนตร์จะเป็นฐานรายได้ใหม่ของ YGG ซึ่งไม่ใช่แค่รายได้ที่จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (One Time) แต่บริษัทฯต้องการต่อยอดไปสู่การสร้างเป็นรายได้ประจำ (Recurring income) ที่จะเข้ามาในทุกๆ ปี โดยตั้งเป้าหมายมีรายได้จากธุรกิจใหม่ไว้ที่ 30-40%

“พอมันเป็นหนัง ตัวเลขมันจะใหญ่อยู่พอสมควร ถ้าเรามองรายได้ของหนังไทยที่ดังๆ อย่าง “ธี่หยด” และเราไปมองรายได้ของหนังต่างประเทศแนวสยองขวัญแบบเดียวกัน อย่าง 5 คืนสยองที่ร้านเฟรดดี้ (Five Nights at Freddy’s) ผมว่ามันเป็นตัวเลขที่ใหญ่ พอมันเป็นตัวเลขที่ใหญ่ ก็คิดว่ารายได้ของ YGG ก็จะเติบโตไปอีกแบบหนึ่ง ขณะเดียวกันมาร์จิ้นก็จะเติบโตในแบบของมัน แต่เราก็อยากจะรักษาไว้ที่ระดับ 30-40%” นายธนัช กล่าว

อย่างไรก็ตามมองว่า ความน่าสนใจของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีดีมานด์สูงในฝั่งของ OTT แพลตฟอร์มที่ต้องการสร้างหนังให้มาอยู่บนแพลตฟอร์มของตัวเอง ขณะเดียวกันในโรงภาพยนตร์เองก็ยังมีกลุ่มคนที่ชื่นชอบการดูหนังในโรง ทำให้มองว่าภาพยนตร์ก็ยังเป็นสิ่งที่คนต้องการเสพอยู่ตลอดเวลา

ลุยงานแอนิเมชั่นบิ๊กโปรเจ็คต์ร่วมกับบิ๊กเนมจีน-เกาหลี

 

นายธนัช กล่าวว่า ในปี 67 จะเห็น YGG Chapter 2 จากการมีโปรดักส์ที่มากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจใหม่ อย่างภาพยนตร์ ที่จะเริ่มสร้างรายได้เข้ามา ผสานกับรายได้ที่จะเกิดขึ้นในฝั่งที่ได้ร่วมกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่ Tencent จากจีน และ Million Volt ในเครือ CJ ENM จากเกาหลี เปิดตัวซีรีส์แอนิเมชั่น HERO Inside ซึ่งจะเป็นรายได้ใหม่ๆ นอกเหนือจากธุรกิจบริการ

ปัจจุบัน YGG มีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจให้บริการและจัดทำคอมพิวเตอร์กราฟิก ในงาน Visual Effects, Animation, เกม โดยยังคาดว่าการเติบโตจะอยู่ที่ 10-15% ส่วนธุรกิจเกม ก็มีแผนเปิดตัวเกมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นเกมที่เลื่อนเปิดตัวมาจากปีก่อน อย่าง 9 Eyes, แกรนด์โดร่า (Grandora) และ GOI

บริษัทเห็นภาพรายได้ใหม่ๆ เข้ามามากกว่า และยังมีเกมใหม่ที่อยู่ใน Pipeline ที่จะทยอยเปิดตัวออกมาด้วยเช่นกัน โดยภาพรวมจะมีเกมเปิดตัวราว 3-4 เกม และในขณะเดียวกันก็จะมีธุรกิจภาพยนตร์ที่เกิดจากเกม ซึ่งจะเป็นโบนัสเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจนี้

 

เกมปัง-หนังดัง ไขกุญเจสู่เป้ารายได้ทำนิวไฮ เสริมแกร่งทุกธุรกิจ

 

“ถ้าเกมมันปัง รายได้มันก็จะไปถึง 1,000 ล้านบาทได้ และเมื่อเอามารวมกับธุรกิจบริการ ก็จะเติบโตขึ้นไปอีก โดยเราก็อยากเห็นภาพรายได้ในปี 67 เติบโตทำสถิติสูงใหม่ (New High)” นายธนัช กล่าว

งบลงทุนในปี 67 บริษัทฯ มองเป็นเรื่องของการ Reinvent หากภาพยนตร์มีรายได้ตามที่คาดหวังไว้ ก็จะนำรายได้ในส่วนนั้นกลับมา Reinvent เช่น การนำมาสร้างภาพยนตร์ในภาคต่อไป ส่วนเกม ก็เช่นเดียวกัน หากได้รับความนิยม ก็จะนำกลับมา Reinvent อีกทั้งยังมองการทำงานร่วมกับลูกค้าต่างประเทศ ทั้งการ์ตูน เกม Visual Effects เพื่อสร้างโปรดักซ์ใหม่ๆ และหนุนให้เกิดรายได้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น

นายธนัช กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าเป็นผู้นำที่จะพาทุกคนที่ทำงานร่วมกันเติบโตไปด้วยกัน และยังมองว่าทุกธุรกิจต้องหล่อเลี้ยงตัวเองได้ในทุกส่วน โดยแบ่งเลเยอร์ล่างสุด คือ ธุรกิจบริการ ที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ขณะเดียวกันก็มีการเพิ่มเลเยอร์ที่ 2 ผ่านการทำงานร่วมกับต่างประเทศ และเมื่อแข็งแรงแล้ว ก็จะขยายไปสู่เลเยอร์ที่ 3 หรือพาบริษัทไทย หรือต่างประเทศต่างๆ ที่กำลังทำงานด้านนี้มาร่วมกับ YGG และจอยไปที่ Distribution

 

ไทยควรส่งเสริม Soft Power อย่างไร

 

YGG มองว่า Soft Power คือ ทุกอย่างที่สื่อถึงความเป็นไทย ทั้งวัฒนธรรม, อาหาร ที่จะเข้าไปอยู่ในคอนเทนต์ต่างๆ เช่น ในเกม ภาพยนตร์ ซีรี่ย์ ที่ทั่วโลกเข้าถึงได้ แต่จะส่งเสริมอย่างไรนั้น ในแง่ของภาพยนต์ ก็มองว่า 1. ทำอย่างไรให้เรามีเงินทุนสนับสนุน (Funding) ให้กับกลุ่มคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการผลิตคอนเทนต์ 2. Network หรือกลุ่มคนต่างๆ ที่อยู่ต่างประเทศ หากได้ Network กลุ่มคนเหล่านี้มา Connect กับไทย หรือหากรัฐบาลสามารถส่งเสริมตรงนี้ได้ คิดว่าคอนเทนต์ของไทยน่าจะไปไกลมากขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ม.ค. 67)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top