หวั่นฝุ่นซ้ำรอย! เหตุสารพิษรั่ว จ.สมุทรปราการ

เกี่ยวกับกรณีเกิดเหตุรถกระบะบรรทุกสารเคมีชื่อ Aluminum Phosphide (ใช้ในการกำจัดแมลงศัตรูผลิตผลทางการเกษตร เช่น มอด ปลวก) บรรจุในถัง 200 ลิตร เกิดการรั่วไหลและเกิดควันฟุ้งกระจายเข้าชุมชน บริเวณถนน ซ.พรสว่าง 7 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เมื่อเวลา 20.00 น. วานนี้ (4 ม.ค.) ซึ่งใช้เวลาหลายชั่วโมงในการควบคุมสถานการณ์นั้น

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แสดงความห่วงใยประชาชนในพื้นที่ที่สารเคมีรั่วไหล ซึ่งจากที่ได้รับรายงานมามีการควบคุมสารพิษดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว แต่ได้สั่งการให้สาธารณสุขตรวจเช็คสภาพร่างกายประชาชนที่มีอาการ และให้ดูแลรักษาทันที พร้อมสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบสาเหตุ หากพบความผิดหรือบกพร่อง ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และกำชับไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก ขอให้ดูแลความปลอดภัยอย่างรัดกุม โดยในวันนี้จะมีการพูดคุยถึงการเยียวยาและแผนป้องกันในระยะกลาง และยอมรับว่า ต้องมีการคุมเข้มเรื่องการใช้รถให้ถูกประเภทตั้งแต่ต้นทาง

นอกจากนี้ เนื่องจากมีประกาศเข้าสู่สถานการณ์ฝุ่นวันแรก ทำให้กังวลว่า ลมจะพัดฝุ่นเข้ามา ทำให้สถานการณ์อากาศที่สูดดมเข้าไปยิ่งอันตรายมากยิ่งขึ้น จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดร่วมกันดูแล และติดตาม พร้อมรายงานสถานการณ์ให้ทราบเป็นระยะด้วย

 

ไม่พบสารเคมีตกค้าง

นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยว่า กรมควบควมคุมมลพิษ ได้ติดตามสถานการณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่เมื่อได้รับแจ้งเหตุ และจากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่า ประชาชนบริเวณที่เกิดเหตุสามารถกลับเข้าสู่ที่พักและสามารถใช้ชีวิตเป็นปกติแล้ว และ เทศบาลตำบลสำโรงเหนือ ได้นำรถฉีดน้ำทำความสะอาดพื้นผิวจราจรในซอยดังกล่าว ปัจจุบันประชาชนสามารถสัญจรได้ปกติ

การจัดการสารเคมีที่หกรั่วไหล สามารถเก็บกู้ได้แล้วเสร็จ ประมาณเวลา 24.00 น. ของวันที่ 4 ม.ค. 67 โดยเก็บขนไปจัดเก็บที่โรงงานเจ้าของสารเคมีเพื่อส่งไปกำจัดด้วยวิธีการที่ถูกต้อง เป็นสารเคมีชื่อ Aluminum Phosphide บรรจุในถัง 200 ลิตร ซึ่งมีประมาณ 100 ลิตร และจากการตรวจสอบการตกค้างสารเคมีในพื้นที่เกิดเหตุ ไม่พบร่องรอยของสารเคมีตกค้างในพื้นผิวถนน และท่อระบายน้ำ ไม่พบกลิ่นสารเคมีในพื้นที่เกิดเหตุและชุมชนใกล้เคียง ผลการตรวจวัดไอระเหยสารเคมีในพื้นที่เกิดเหตุและบ้านเรือนประชาชนด้านท้ายลม (ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้) ในระยะ 50 เมตร และ 200 เมตร พบว่า ตรวจไม่พบสารฟอสฟีน และจากการสอบถามเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ โรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้า และเทศบาลตำบลสำโรงเหนือ พบว่า ไม่มีรายงานผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวและประชาชนในพื้นที่ด้านท้ายลม พบว่า ไม่ได้รับผลกระทบด้านสุขภาพแต่อย่างใด เนื่องจากมีการแจ้งเตือนให้อพยพ และปิดประตูหน้าต่างในช่วงเกิดเหตุ

 

ข้อแนะนำในการปฏิบัติตัว

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะวิธีป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ ให้ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยเปิดประตู หน้าต่าง ระบายอากาศ หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องปรับอากาศชั่วคราว เพื่อให้อากาศถ่ายเท ลดการตกค้างของสารพิษภายในบ้าน แนะนำทำความสะอาดบ้านเรือน ปัด กวาด เช็ด ล้างอุปกรณ์หรือเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน เพื่อลดการปนเปื้อนของละออง หรือเขม่าจากการเกิดไฟไหม้สารเคมีจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยสวมหน้ากากหรือใส่ถุงมือขณะทำความสะอาด หมั่นสังเกตอาการตนเอง และคนในครอบครัวโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบางในบ้าน ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้มีปัญหาโรคระบบทางเดินหายใจ หากมีอาการแสดง หรือความผิดปกติจากการสูดดมสารพิษ เช่น เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น ให้รีบพบแพทย์โดยด่วน

ทั้งนี้ กรมอนามัย พร้อมสนับสนุนการจัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม และการดูแลสุขภาพประชาชนในกรณีเกิดภาวะฉุกเฉินจากสารเคมีรั่วไหล เพื่อให้ทั้งประชาชนมีความปลอดภัย มีความรู้ ความเข้าใจในการดูแลสุขภาพและการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมที่ดี ลดความเสี่ยงสุขภาพของตนเองและครอบครัวต่อไป

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ม.ค. 67)

Tags: , ,
Back to Top