นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 2/2566 โดยนายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในที่ประชุม เพื่อให้ยุทธศาสตร์ชาติสามารถเป็นเครื่องมือในการพัฒนาได้อย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับบริบทการพัฒนาที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน อาทิ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์, Cloud computing, พลังงานสะอาด ซึ่งจะส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายแรงงานคุณภาพ รวมทั้งภูมิรัฐศาสตร์ โดยขอให้คณะกรรมการฯ ร่วมกันคิดรูปแบบ วิธีการดำเนินงาน และการขับเคลื่อนประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติที่เหมาะสม
โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ควรดำเนินการทบทวนปรับปรุงยุทธศาสตร์ชาติ ให้ทันกับบริบทการพัฒนาโลกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ยุทธศาสตร์ชาติเป็นกรอบแนวทางการพัฒนาประเทศที่มีความยืดหยุ่น ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเพื่อให้ประชากรรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังการพัฒนาประเทศที่สำคัญ ได้เป็นส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประเทศต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การวางยุทธศาสตร์ชาติ ถือเป็นการวางกรอบโครงยุทธศาสตร์ที่ให้รัฐบาล และคนทั้งประเทศได้รับรู้ และทำงานไปในทิศทางประเทศไทยในอนาคตในแนวทางเดียวกัน และเพื่อให้รู้ว่าจะไปสู่ภาพนั้นได้ต้องทำอย่างไรบ้าง พร้อมมองว่า การมียุทธศาสตร์ชาติ มีกลยุทธ์ในการทำงาน นับเป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่เชื่อกับการวางแผนล่วงหน้าที่ยาวนานเกินไป เช่น แผน 20 ปี เพราะแค่แผน 5 ปี ยังทำได้ยาก โลกนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ ดังนั้น ประเทศไทยต้องคอยปรับยุทธศาสตร์ให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงเวลาด้วย
“เมื่อ 6 เดือนที่แล้วหรือ 10 เดือนที่แล้ว เราไม่เคยได้ยินเรื่อง Chat GPT เรื่อง Artificial Intelligence เรื่องของเทคโนโลยี หรือแม้กระทั่งพลังงานสะอาดรูปแบบใหม่ๆ ที่จะมากำหนดทิศทางโลก เรื่องพลังงานสะอาด เป็นเรื่องที่เวลาเดินทางไปเจรจากับต่างประเทศจะเป็นเรื่องแรกที่หยิบยกมาพูดคุยกัน เป็นเรื่องที่โลกเราเปลี่ยนไปมาก โดยเรื่องเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของ war of talent ที่ทุกบริษัท ทุกรัฐบาล ทุกประเทศทั่วโลก ดึงดูดคนที่มีความสามารถไปทำงาน และเป็นเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์” นายกรัฐมนตรี กล่าว
พร้อมระบุว่า อยากให้แผนยุทธศาสตร์ชาติมีความคล่องตัว มีการทบทวน และมีความยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลก ดังนั้น จึงขอฝากให้ช่วยกันพิจารณารูปแบบการดำเนินงานที่เหมาะสม ว่าจะทำอย่างไรให้ยุทธศาสตร์ชาติเกิดประโยชน์ได้จริง ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของโลกในวันนี้ และไม่ปิดกั้นอนาคตของประเทศชาติ เพื่อให้การพัฒนาของลูกหลานพวกเราในอีก 20 ปีข้างหน้าไม่ถูกผูกมัดด้วยความคิดของคนรุ่นเรา ให้พวกเขาได้มีโอกาสปรับเข้ากับคนรุ่นใหม่ที่จะเติบโตขึ้น ให้มีโอกาสที่จะเลือกทิศทางในการวางยุทธศาสตร์ และก้าวไปพร้อมๆ กับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป
สำหรับผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในวันนี้ ที่ประชุมฯ มีมติเห็นชอบ 4 เรื่อง และมีมติรับทราบ 3 เรื่อง สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. รับทราบผลการประเมินความคุ้มค่าการปฏิบัติภารกิจ ของสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สำนักงาน ป.ย.ป.) โดยให้สำนักงาน ป.ย.ป. ยังคงคงปฏิบัติหน้าที่ที่รัฐบาลมอบหมายต่อไปเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ร่วมกันพิจารณาทบทวนและปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของ สำนักงาน ป.ย.ป. ให้มีความสอดคล้องและเหมาะสมกับภารกิจที่ได้รับมอบหมาย รวมทั้งให้ประเมินความคุ้มค่าของสำนักงาน ป.ย.ป. ต่อไป
2. เห็นชอบ (ร่าง) โครงการเพื่อขับเคลื่อนการบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 จำนวน 309 โครงการ โดยมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒน์ นำเสนอผลการพิจารณาเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป รวมทั้งเห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินการโครงการสำคัญตามสำนักงานฯ เสนอ
โดยทุกหน่วยงานควรเร่งสร้างบุคลากรผู้ที่สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ในการจัดทำโครงการฯ (ครู ก.) เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดกระบวนการ หลักการ และขั้นตอนการทำโครงการสำคัญฯ ที่สามารถนำไปสู่การจัดทำโครงการแบบคานงัดที่สามารถตอบโจทย์การพัฒนาประเทศได้อย่างแท้จริง โดยให้ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการจัดทำโครงการภายใต้เป้าหมายแผนแม่บทย่อยที่ยังไม่มีโครงการสำคัญมารองรับ โดยให้ความสำคัญกับเป้าหมายฯ ที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล
3. เห็นชอบการปรับเปลี่ยนหน่วยงานเจ้าภาพขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติเพิ่มเติม เพื่อให้เหมาะสมระหว่างเนื้อหาของแผนแม่บทฯ กับภารกิจหน้าที่หน่วยงานมากขึ้น โดยมอบหมายสำนักงานฯ นำผลการพิจารณาเสนอต่อครม. เพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป โดยประธานในที่ประชุม ได้กำชับให้หน่วยงานเจ้าภาพทุกระดับ ต้องเร่งประสานและบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานร่วมขับเคลื่อน เพื่อจัดทำโครงการการ/ การดำเนินงานให้สามารถบรรลุตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติได้แบบพุ่งเป้าต่อไป
4. เห็นชอบการจัดทำคำสั่งกลไกการดำเนินการขจัดความยากจน และพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้การดำเนินการพัฒนาคนทุกช่วงวัย และการแก้ไขปัญหาความยากจนสามารถเป็นไปอย่างบูรณาการ มีประสิทธิภาพ ต่อเนื่อง เป็นประโยชน์สูงสุด และมีความยั่งยืนในการพัฒนา
รวมทั้งมอบหมายทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เร่งจัดส่งข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงด้วยเลขบัตรประชาชน 13 หลักให้สำนักงานฯ เพื่อที่สำนักงานฯ จะได้นำไปประมวลผลหากลุ่มคนเป้าหมายประจำปี 2567 ต่อไป
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ มีมติรับทราบ 3 เรื่อง ดังนี้
1. รับทราบความก้าวหน้าการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติของ สศช. ในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติร่วมกับทุกหน่วยงานของรัฐในห้วง 5 ปีแรก (พ.ศ.2561-2565) ของยุทธศาสตร์ชาติ รวมทั้งแนวทางการดำเนินงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในห้วงที่ 2 (พ.ศ.2566-2570)
2. รับทราบแนวทางการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ
3. รับทราบผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2560 และ พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ.2560
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ธ.ค. 66)
Tags: ยุทธศาสตร์ชาติ, สภาพัฒน์, เศรษฐา ทวีสิน