ทองคำนิวยอร์กปิดบวก $17.80 ขานรับเงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัว-เก็งเฟดลดดบ.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (22 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ชะลอตัวลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 17.80 ดอลลาร์ หรือ 0.87% ปิดที่ 2,069.10 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 2.00 เซนต์ หรือ 0.08% ปิดที่ 24.565 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 11.50 ดอลลาร์ หรือ 1.19% ปิดที่ 981.80 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 4.50 ดอลลาร์ หรือ 0.37% ปิดที่ 1,223.70 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำได้แรงหนุนหลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.9% ในเดือนต.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.8%

เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวลง 0.1% ในเดือนพ.ย. จากระดับ 0.0% ในเดือนต.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจทรงตัว

ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 3.2% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.4% ในเดือนต.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.3%

เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย. จากระดับ 0.1% ในเดือนต.ค.และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.2%

ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

การเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ชะลอตัวลงสนับสนุนการคาดการณ์ของตลาดที่ว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในต้นปีหน้า ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ

นอกจากนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนสัญญาทองคำด้วย โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.13% แตะระดับ 101.71 โดยการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น ๆ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ธ.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top