หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นต่อ แรงส่งจากเม็ดเงินกองทุนไหลเข้า-ดาวโจนส์หนุน

นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดปรับตัวขึ้นต่อได้ตามแรงซื้อที่กลับเข้ามา รวมทั้งเม็ดเงินจากกองทุนต่าง ๆ เริ่มทยอมเข้ามาช่วงโค้งสุดท้ายของปี ตลาดหุ้นสหรัฐยังมีทิศทางขาขึ้น แต่ราคาน้ำมันอาจยังรับผลกระทบระยะสั้นจากแองโกลาต่อถอนตัวจากโอเปก ขณะที่นักลงทุนรอตัวเลข PCE สหรัฐ หากแนวโน้มปรับลงจะหนุนคาดการณ์เฟดลดอัตราดอกเบี้ยเดือน มี.ค.67 ให้กรอบแนวต้าน 1,410 และ 1,415 จุด แนวรับ 1,395 จุด

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นไปต่อจากวานนี้ หลังได้เห็นแรงซื้อเริ่มกลับเข้ามา รวมทั้งเม็ดเงินจากกองทุน TESG และกองทุนอื่นๆ เริ่มทยอยเข้ามาในช่วงโค้งสุดท้ายของปี

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้นสหรัฐยังมีทิศทางเป็นขาขึ้นหนุนภาพรวมตลาด รวมทั้งราคาน้ำมันรีบาวด์ขึ้นมาได้ค่อนข้างดี อย่างไรก็ตาม มีข่าวว่าแองโกลาซึ่งผลิตน้ำมันราว 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน อาจจะถอนตัวออกจากสมาชิกของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ส่งผลให้ระยะสั้นอาจมีผลกระทบกดดันราคาน้ำมันบ้าง

วันนี้นักลงทุนยังรอติดตามสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) หากมีแนวโน้มปรับตัวลงตามที่ตลาดคาดจะหนุนคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี่ยลงครั้งแรกในเดือน มี.ค. 67

หุ้นแนะนำ ได้แก่ กลุ่มธนาคาร รับโอกาส Window Dressing และราคายังค่อนข้างถูก อาทิ BBL KTB TTB KBANK รวมทั้งกลุ่มค้าปลีก รับประโยชน์มาตรการ Easy E-receipt ที่จะเริ่มใช้เดือนม.ค.

พร้อมทั้งให้กรอบแนวต้าน 1,410 และ 1,415 จุด แนวรับ 1,395 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (21 ธ.ค.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,404.35 จุด เพิ่มขึ้น 322.35 จุด หรือ +0.87%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,746.75 จุด เพิ่มขึ้น 48.40 จุด หรือ +1.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,963.87 จุด เพิ่มขึ้น 185.92 จุด หรือ +1.26%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 33,257.95 จุด เพิ่มขึ้น 117.48 จุด หรือ +0.35% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,743.06 จุด เพิ่มขึ้น 121.93 จุด หรือ +0.73% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,919.29 จุด เพิ่มขึ้น 0.58 จุด หรือ +0.02%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ธ.ค.66) ที่ 1,404.84 จุด เพิ่มขึ้น 4.47 จุด (+0.32%) มูลค่าซื้อขาย 38,760.88 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 536.82 ล้านบาท (21 ธ.ค.66)

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.(21 ธ.ค.) ลดลง 33 เซนต์ หรือ 0.44% ปิดที่ 73.89 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 ธ.ค.66) อยู่ที่ 7.31 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.72 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่ารับดอลลาร์อ่อนหลัง GDP สหรัฐออกมาต่ำ จับตาตัวเลข PCE คืนนี้

– ผู้ส่งออกในภูมิภาครับมือวิกฤติทะเลแดง หาเส้นทางบก เรือ อากาศ “พาณิชย์” คาดไม่ยืดเยื้อไม่กระทบส่งออกปี 66 แต่ค่าระวางเรือเพิ่ม 1 เท่าตัว สัปดาห์หน้าเชิญสายเดินเรือหารือ ‘พลังงาน’ รับมือทะเลแดง ชี้ราคาน้ำมันดิบขึ้น 3-4 ดอลลาร์ หากยืดเยื้อกระทบราคาน้ำมันสูงขึ้น 50 สตางค์ต่อลิตร

– ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี คาดปี 2567 ไทยเที่ยวไทยจะสร้างเม็ดเงินมากกว่า 1 ล้านล้านบาท แนะภาครัฐเร่งพัฒนาต่อยอดแหล่งท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดให้เกิดการท่องเที่ยวซ้ำ แคมเปญเดิมๆ จูงใจไม่พอ อาจส่งผลร้ายกลายเป็น’เที่ยวเมืองไทย เคยไปมาแล้ว’

– ม.หอการค้า เผยผลสำรวจประชาชนช่วงปีใหม่สุดคึกคัก เงินสะพัดกว่า 1 แสนล้าน โต 2.8% นิวไฮรอบ 4 ปี แต่คนยังกังวลเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ หนี้ ดอกเบี้ยสูง หอการค้าไทยหนุนรัฐแก้หนี้อย่างยั่งยืน

หุ้นเด่นวันนี้

– MTC (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 49.00 บาท กำไร 3/66 ดีขึ้น QoQ, YoY เป็นไปตามสินเชื่อขยายตัวสูง +21%YoY เป็นผลจากการขายสาขาจนถึง 7,365 สาขาสูงกว่าเป้า ด้าน Cost of fund สูงขึ้นตามทิศทางดอกเบี้ย แต่ยัง[ริหารจัดการ Credit cost ให้ใกล้เคียงเดิม หนุนอัตรากำไรสุทธิดีขึ้นต่อเนื่อง แนวโน้มไตรมาส 4/66 สินเชื่อยังโตดี เน้นเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อมีหลักประกันและเพิ่มตุณภาพของพอร์ตคุม NPL ใหม่ บริษัทตั้งเป้าสินเชื่อทั้งปีโต 20% และคุม NPL ต่ำกว่า 3.5% น่าจะทำได้ หากอิง Consensus จะเห็นกำไรชะลอตัวในปี 66 ราว -5%YoY ก่อนจะกลับมาโตปี 67 ที่ 5.85 พันล้านบาท +20%YoY

– CPN (ลิเบอเรเตอร์) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 82 บาท ปลายปีเข้าสู่เทศกาลเฉลิมฉลองจะช่วยหนุนปริมาณ Traffic มากยิ่งขึ้น ผสานกับมีการเปิดห้างใหม่จะเป็นแรงหนุนเพิ่มเติม ขณะที่ Valuation ปัจจุบันเทรดที่ระดับ 2024 PERatio ที่ 20 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ระดับ 28 เท่า ถือเป็นระดับที่น่าทยอยสะสม

– COM7 (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 30 บาท คาดกำไรไตรมาส 4/66 จะเร่งตัว q-q ลุ้นทรงหรือเติบโตได้เล็กน้อย y-y หนุนจากยอดขาย iPhone 15 เต็มไตรมาส โมเมนตัมไตรมาส 1/67 ยังแข็งแรงและได้แรงหนุนจาก E-Receipt สินค้ากลุ่มโทรศัพท์มือถือและเครื่องใช้ไฟฟ้าคาดเป็นเป้าหมายการใช้จ่าย คาดกำไรปี 66 +3% y-y และเร่งตัว +11% y-y ในปี 67 ปัจจุบันเทรด 2024PER เพียง 15.9 เท่า ให้แนวรับ 21.70-21.40 บาท แนวต้าน 23.80-24 และ 25 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ธ.ค. 66)

Tags: ,
Back to Top