ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายการเงิน ซึ่งรวมถึงการตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษในการประชุมวันนี้ (19 ธ.ค.) ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก โดย BOJ ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (core inflation) ของญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวเหนือระดับ 2% ตลอดปีงบประมาณ 2567
ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการ BOJ ไม่ได้ส่งสัญญาณใด ๆ ที่เป็นการบ่งชี้ว่าจะยกเลิกการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบในปีหน้า ส่งผลให้เงินเยนอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 143.78 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับประมาณ 142.64 เยนต่อดอลลาร์ก่อนที่ BOJ จะแถลงผลการประชุม
นอกจากนี้ ที่ประชุม BOJ ยังได้แสดงมุมมองเกี่ยวกับเศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยระบุว่า เศรษฐกิจฟื้นตัวเล็กน้อย ขณะที่การอุปโภคบริโภคในภาคเอกชนยังคงปรับตัวขึ้นเล็กน้อย
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) มีการขยายตัวน้อยกว่าในช่วงที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นเพราะผลกระทบของราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง แต่เมื่อไม่นานมานี้ ดัชนี CPI เคลื่อนไหวที่ระดับประมาณ 3% เนื่องจากบริษัทเอกชนได้ผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปให้กับผู้บริโภค
ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการ BOJ มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ -0.1% และยังคงให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นประเภทอายุ 10 ปีเคลื่อนไหวที่ระดับราว 0%
นอกจากนี้ BOJ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (YCC) จากการประชุมเมื่อวันที่ 31 ต.ค. โดยกำหนดเพดานกรอบบนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีที่ระดับ 1.0% และให้ระดับดังกล่าวเป็นระดับอ้างอิง หรือ “reference point” เพื่อให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวสามารถปรับตัวขึ้นได้อีก และเพื่อสะท้อนถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจได้ดียิ่งขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ธ.ค. 66)
Tags: BOJ, ธนาคารกลางญี่ปุ่น, อัตราดอกเบี้ย, เงินเฟ้อ, เศรษฐกิจญี่ปุ่น