บรรดานักลงทุนด้านน้ำมันเตรียมเริ่มต้นปี 2567 ด้วยความกังวลในแง่ลบเกี่ยวกับปัญหาอุปทานล้นตลาด การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่กำลังคุกรุ่น ซึ่งอาจสร้างความผันผวนให้กับราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ราว 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีนี้ หลังจากปรับตัวผันผวนในปี 2565 ซึ่งทำให้ราคาพุ่งขึ้นสูงกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังอุปทานน้ำมันจากรัสเซียต้องหยุดชะงักจากการสู้รบกับยูเครน
ราคาน้ำมันในปีนี้ถูกจำกัดโดยเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าและผลผลิตน้ำมันที่แข็งแกร่งจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่อยู่นอกโอเปก (non-OPEC) แม้ว่าดีมานด์พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์มากกว่า 100 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) ก็ตาม
ผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ 30 คนจากสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่า น้ำมันดิบเบรนท์จะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 84.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2567
ทั้งนี้ การคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้น แม้มีการคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์ที่แตกต่างกัน โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดว่าอุปสงค์จะอยู่ที่ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) คาดว่าอุปสงค์อยู่ที่ 2.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ขณะที่บริษัทที่ปรึกษาอย่างริสตัด เอเนอร์จี (Rystad Energy) เจพีมอร์แกน (J.P. Morgan) เคปเลอร์ (Kpler) และสถาบันวิจัยวู้ด แมคเคนซี (Wood Mackenzie) คาดการณ์ว่า อุปทานน้ำมันในปี 2567 จะขยายตัวระหว่าง 1.2-1.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยได้รับแรงหนุนจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่อยู่นอกกลุ่มโอเปก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ธ.ค. 66)
Tags: น้ำมัน, อุปทานน้ำมัน