ASW ปักหมุดลุยหนัก “ภูเก็ต” รับดีมานด์พุ่งหลังปิดขาย “เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา” เฟสแรกในวันเดียว

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) เปิดเผยว่า ปี 67 บริษัทวางแผนรุกตลาดที่อยู่อาศัยภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง ภายหลังปิดการขายโครงการ “เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา” เฟสแรกได้ภายในวันเดียว

“ปี 67 บริษัทฯ เตรียมขยายการลงทุนโครงการอสังหาฯ ในจังหวัดภูเก็ต ผ่านบริษัทย่อย คือ บมจ. ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ (TITLE) และ บริษัท โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว จำกัด (BGA) เพื่อตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติ รวมถึงนักท่องเที่ยว และคนทำงานในจังหวัดภูเก็ต” นายกรมเชษฐ์ กล่าว

บริษัทคาดการณ์ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 67 จะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามจีดีพีที่คาดว่าจะขยายตัว 2.8-3.3% เพราะภาพรวมเดือน ต.ค.-พ.ย.66 เริ่มมีสัญญาณบวกจากปัจจัยต่างๆ ทั้ง สงครามระหว่างอิสราเอล-ฮามาส ที่ไม่ได้ขยายวง อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยเริ่มทรงตัว รวมทั้งแรงส่งของการบริโภคภาคเอกชนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐที่กำลังทยอยออกมา อาทิ มาตรการ Easy E-Receipt ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค.-15 ก.พ. 2567, โครงการ Digital Wallet เป็นต้น รวมถึงแรงซื้อจากชาวต่างชาติที่กลับเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นบ้านหลังที่สองในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ภูเก็ต เป็นต้น

สำหรับภาพรวมการดำเนินงานในปีนี้ถือเป็นปีทองของบริษัท เนื่องจากมีโครงการใหม่ที่ทยอยสร้างเสร็จเพื่อโอนกรรมสิทธิ์รวมทั้งสิ้นถึง 10 โครงการ มูลค่าโครงการวม 14,530 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นโครงการใหม่ที่กำหนดสร้างเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 4/66 จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6,400 ล้านบาท ได้แก่ โครงการเคฟ โคโลนี (Kave Colony) ซึ่งมียอดขาย 100% มูลค่าโครงการกว่า 1,800 ล้านบาท, แอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช (Atmoz Oasis Onnut) มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท, แอทโมซ โฟลว์ มีนบุรี (Atmoz Flow Minburi) มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท และ ดิ อาเบอร์ ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ (The Arbor Donmueng Changwattana) มูลค่าโครงการ 1,050 ล้านบาท

ขณะที่บริษัทยังมีโครงการที่จะก่อสร้างเสร็จพร้อมทยอยโอนต่อเนื่องในปีหน้าอีก 10 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 23,177 ล้านบาท ซึ่งจากแผนงานดังกล่าว สะท้อนถึงศักยภาพของ ASW ซึ่งมั่นใจได้ว่าบริษัทฯ มีภาพการเติบโต และแผนการรับรู้รายได้ที่ต่อเนื่องและเข้มแข็ง

บริษัทได้ปรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้เพิ่มเป็น 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 30,260 ล้านบาท จากแผนเดิม 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 22,500 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนการเติบโตในอนาคต

โดยแผนงานไตรมาส 4/66 พร้อมเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 5 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 15,100 ล้านบาท ได้แก่ 1.เคฟ วันเดอร์แลนด์ (Kave Wonderland) 1,424 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,550 ล้านบาท จะเริ่มเปิดให้ชมห้องตัวอย่างปลายเดือนธ.ค.นี้ 2.แอทโมซ แคนวาส ระยอง (Atmoz Canvas Rayong) 674 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,250 ล้านบาท รองรับการขยายตัวของการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) 3.โมดิซ โวยาด ศรีนครินทร์ (Modiz Voyage Srinakarin) 813 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,600 ล้านบาทใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลืองสถานีศรีกรีฑา 4.โครงการ ดิ ออเนอร์ โยธินพัฒนา (The Honor Yothinpattana) บ้านเดี่ยวลักซัวรี่ 106 หลัง มูลค่าโครงการกว่า 4,200 ล้านบาท และ 5.เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา (The Title Legendary Bang-Tao) 637 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท

“โครงการ เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต ภายหลังจัดงาน Agent Day สามารถปิดการขายผ่านเอเยนต์ในเฟสแรกกว่า 300 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าราว 2,000 ล้านบาทในเพียงวันเดียว จึงเชื่อมั่นว่าอสังหาฯ ภูเก็ตยังเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าต่างชาติ” นายกรมเชษฐ์ กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASW กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 66 เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปตามภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากมีปัจจัยอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่ทำให้การใช้จ่ายของภาครัฐขาดความต่อเนื่อง เกิดการชะลอการลงทุนของภาคเอกชน ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 2 และ 3 ที่ผ่านมาเกิดภาวะสุญญากาศ และผู้บริโภคไม่รีบตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย

อย่างไรก็ตาม ตลาดที่อยู่อาศัยบางเซ็กเมนต์ยังมีกำลังซื้อที่ดี เช่น คอนโดมิเนียมรอบมหาวิทยาลัย (Campus Condo) เนื่องจากมีกลุ่มคนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนและบริหารเงินด้วยการซื้อคอนโดฯ เพื่อรับผลตอบแทนในระยะยาวในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ รวมทั้งการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง นอกจากนี้ พบว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหัวเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญๆ มีการเติบโตที่ดีจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง

อนึ่ง ASW พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 57 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA),แบรนด์ ดิ อาเบอร์ (THE ARBOR) และ แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมมูลค่าโครงการกว่า 67,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 41 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 16 โครงการ ปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 16,337 ล้านบาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ธ.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top