นายวันชนะ จิตต์การงาน ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ บมจ.ตาชำนิ (CEYE) กล่าวว่า บริษัทมีแผนงานในปี 67 ที่จะขยายธุรกิจเพื่อผลักดันให้รายได้เติบโตมากกว่าขึ้นกว่า 20% ที่มาจากการเติบโตด้วยธุรกิจเดิม ซึ่งมีแนวโน้มปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 4/66 เพื่อทำให้รายได้บริษัทแข็งแกร่งมากขึ้น
แผนการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทในปี 67 ประกอบด้วยการนำ Generative AI เข้ามาเป็นเครื่องมือในการทำงานมากขึ้น ซึ่งบริษัทมุ่งเน้นจะพัฒนาทักษะของพนักงานบริษัทในการใช้ AI เข้ามาอยู่ในกระบวนการทำงานมากขึ้น อีกทั้งการพูดคุยความร่วมมือกับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญในการใช้ AI เพื่อตอบโจทย์การใช้ในเชิงพาณิชย์และความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง คาดว่าในไตรมาส 1/67 จะเห็นความชัดเจนของความร่วมมือกับพันธมิตร
รวมทั้งการเข้าไปมีส่วนร่วมกับแพลตฟอร์ม Streaming ตั้งแต่เริ่มผลิต Long Form Content ไปจนถึง Post-production โดยเข้าไปมีส่วนร่วมผ่านพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้อยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการพูดคุยรูปแบบความร่วมมือกับบริษัทไวท์ ไลท์ สตูดิโอ จำกัด ซึ่งจะเห็นความชัดเจนในไตรมาส 1/67
ขณะที่แผนการเปิดตัว FLOC แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับครีเอทีฟ จะเริ่มทดสอบการใช้งานในไตรมาส 1/67 เพื่อให้ฟรีแลนซ์และครีเอทีฟที่ใกล้ชิดกับบริษัทได้ทดลองใช้ก่อน โดยในไตรมาส 2/67 จะออกบริการต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทได้ศึกษาการลงทุนในกิจการด้านครีเอทีฟโปรดักชั่นเพื่อขยายการลงทุนไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
นายวันชนะ กล่าวว่า ทิศทางของอุตสาหกรรมโฆษณาในปี 67 ลูกค้ามีแนวโน้มทำแคมเปญมากขึ้นด้วยระยะเวลาที่สั้นลง บริษัทจึงจำเป็นต้องสร้างความหลากหลายในการขยายธุรกิจและเพิ่มการให้บริการที่มีความแตกต่างเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ซึ่งบริษัทมีความมั่นใจความต้องการในการใช้เม็ดเงินในการโฆษณาที่สูงขึ้นแต่อาจจะไม่สูงแบบก้าวกระโดด โดยกลุ่มธุรกิจที่ใช้เม็ดเงินมากที่สุดยังคงเป็นสินค้า FMCG หรือ Fast Moving Consumer Goods และ Consumer Product ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท
ในไตรมาส 3/66 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการให้บริการ 105 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยภาพรวมรายได้ปรับตัวสูงขึ้นจากแนวโน้มของลูกค้าที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น รวมทั้งแนวโน้มการขยายตัวของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้รายได้หลักของบริษัทขยายตัวเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ
อีกทั้งการควบรวมบริษัท ซีอาล๊อต บูทีค โพสต์โปรดักชั่น จำกัด และบริษัท เออร์เบิน มีเดีย ครีเอชั่น จำกัด โดยรายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นประกอบด้วยรายได้เดิมของทั้งสองบริษัทและในส่วนของการมีประสิทธิภาพในการให้บริการที่ครบวงจร สนับสนุนความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน โดยการควบรวมที่เกิดขึ้นทำให้รายได้ของบริษัทตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันเติบโตไปแล้วราว 15%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ธ.ค. 66)
Tags: CEYE, Generative AI, ตาชำนิ, วันชนะ จิตต์การงาน