กลุ่มไฟแนนซ์-อิเล็กทรอนิกส์-โรงไฟฟ้าเด้งกลับรับดอกเบี้ยเฟดเข้าสู่ขาลง

หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มโรงไฟฟ้า ดีดตัวกลับขึ้นมาตอบรับดอกเบี้ยสหรัฐเข้าสู่ขาลง หลังจากช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับลงไปมาก

เมื่อเวลา 10.20 น.

ดัชนีกลุ่มไฟแนนซ์ ปรับตัวขึ้น 2.60%

TIDLOR ปรับขึ้น 4.17% หรือเพิ่มขึ้น 0.90 บาท มาที่ 22.50 บาท

SAWAD ปรับขึ้น 3.73% หรือเพิ่มขึ้น 1.50 บาท มาที่ 41.75 บาท

MTC ปรับขึ้น 3.51% หรือเพิ่มขึ้น 1.50 บาท มาที่ 44.25 บาท

 

ดัชนีกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ปรับขึ้น 1.72%

HANA ปรับขึ้น 3.83% หรือเพิ่มขึ้น 1.75 บาท บาท มาที่ 47.50 บาท

KCE ปรับขึ้น 3.26% หรือเพิ่มขึ้น 1.75 บาท บาท มาที่ 55.50 บาท

DELTA ปรับขึ้น 1.53% หรือเพิ่มขึ้น 1.25 บาท บาท มาที่ 82.75 บาท

 

ดัชนีกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภต ปรับขึ้น 0.69% โดยกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับขึ้นถ้วนหน้า

BGRIM ปรับขึ้น 3.92% หรือเพิ่มขึ้น 1.00 บาท บาท มาที่ 26.50 บาท

GPSC ปรับขึ้น 3.37% หรือเพิ่มขึ้น 1.50 บาท บาท มาที่ 46.00 บาท

GULF ปรับขึ้น 1.68% หรือเพิ่มขึ้น 0.75 บาท บาท มาที่ 45.50 บาท

 

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ 5.25-5.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ และในคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Pot) เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งในปี 67 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 0.75% จากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง ในการประชุมเดือนก.ย.

พร้อมกับส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 4 ครั้งในปี 68 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 1% ส่วนในปี 69 เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.75% ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดลดลงสู่ช่วง 2.00-2.25% ซึ่งใกล้กับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่ 2.5% ขณะเดียวกันเฟดได้ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐลงสู่ระดับ 3.2% ในปี 66 จากเดิม 3.7% และคาดว่าอยู่ที่ 2.4%, 2.2% และ 2% ในปี 67,68 และ 69 ตามลำดับ

บล.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ระบุว่า ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลกและไทยที่ถือว่าถึงจุดสูงสุดแล้ว และยังมีแนวโน้มที่ลดลง ซึ่งน่าจะดีต่อการลงทุนในตลาดหุ้น ขณะที่มองว่าทิศทางแนวโน้มดอกเบี้ยไทยที่ทรงตัวถึงมีโอกาสที่ลดลงในอนาคต น่าจะเป็น sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มลีสซิ่ง ประกอบกับ ข่าวมาตรการแก้หนี้ครัวเรือนของภาครัฐมองว่าผลกระทบน่าจะจำกัด ทั้งนี้ หนี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้ของสถาบันการเงินภาครัฐ ขณะที่การควบคุมสินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่ไม่เกิน 10% รถจักรยานยนต์ไม่เกิน 23% ต่อปี เป็นไปตามประกาศของ สคบ.ที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันอยู่แล้ว ไม่ได้กระทบแต่อย่างใด คงมีเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตเหลือ 3-5%ต่อปี แต่ก็เฉพาะลูกหนี้ที่มีปัญหาซึ่งมีจำนวนไม่มากนักสำหรับ KTC จึงเชื่อว่าผลกระทบมีจำกัด นอกจากนี้ ราคาหุ้นในกลุ่มลิสซิ่งก็ปรับลดลงมามากเกินแล้ว

ดังนั้น แนะนำทยอยเข้าซื้อ TIDLOR (TP:28.50) และ MTC (TP:47.-) ที่คาดว่าจะยังมีผลประกอบการที่ดีและสามารถรับมือรวมถึงจัดการกับหนี้เสียได้ดีในระดับหนึ่งแล้ว

ด้าน บล.ดาโอ (ประเทศไทย) คงน้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาด” กลุ่ม Finance จากทิศทางและปัจจัยลบต่างๆที่เริ่มดีขึ้นในปี 67 ดังนี้ 1) อัตราดอกเบี้ยโลกและไทยใกล้สิ้นสุดขาขึ้นและมีโอกาสปรับลงในครึ่งหลังปี 67 ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของกลุ่มมีทิศทางดีขึ้น โดย DAOL คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยจะเริ่มปรับลดลงจาก 2.5% ในครึ่งหลังปี 67 ที่ -75 bps

ทั้งนี้ ราคาหุ้นกลุ่ม Finance มี negative correlation กับอัตราดอกเบี้ยในช่วง ธ.ค.61-ก.พ.63 ที่อัตราดอกเบี้ยลดลงที่สูง โดยราคาหุ้น MTC และ SAWAD ปรับขึ้น +14%/+46% คิดเป็น correlation ที่ -81%/-90%,

2) NPL คาดผ่านจุดสูงสุดใน ไตรมาส 3/66 จากความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อใหม่ตั้งแต่ไตรมาส 4/65 , NPL formation ที่ปรับลง และการตัดจำหน่ายหนี้สูญที่สูงในปี 67

3) ผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 3/66 ส่งผลให้มี 2023E-25E net profit CAGR ที่ +16% และทำให้ 2024E-25E ROAE กลับมาดีขึ้น

และ 4) ได้รับผลกระทบจำกัดจากมาตรการควบคุมสินเชื่อทั้งระบบของรัฐบาลที่เพิ่งประกาศออกมา

ราคาหุ้นในกลุ่ม Finance (Auto-backed) ที่เราออกบทวิเคราะห์ปรับตัวลงเฉลี่ย -11% ในช่วง 6 เดือนและกลับมาดีขึ้นเฉลี่ย +1% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนปัจจัยลบและผลการดำเนินงานที่ลดลงแล้ว ทำให้ valuation กลับมาน่าสนใจ โดยปัจจุบันเทรดที่ 2024E PBV เฉลี่ยที่ 2.1x (-1.25 SD below 5-yr average PBV)

โดยหุ้นกลุ่ม Finance เราชอบหุ้น auto-backed มากกว่า credit card และ AMC จาก NPL formation ที่ปรับตัวลงเมื่อเทียบกับ credit card ที่เพิ่มขึ้น และเข้าสู่ช่วง low season ของการตามหนี้ธุรกิจ AMC ในไตรมาส1/6

สำหรับหุ้น Top pick คือ TIDLOR จาก 1) NPL ทรงตัวในระดับต่ำ เทียบกับคู่แข่งที่เพิ่มขึ้น, 2) NPL coverage สูงถึง 268%, 3) D/E ต่ำเพียง 2.5x และ 4) credit rating ที่ A ทำให้การระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ที่ได้ต้นทุนต่ำ ในขณะที่ SAWAD มีปัจจัยลบเรื่องขาดทุนรถยึดที่จะสูงกดดันอยู่

ส่วน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กลุ่มพลังงาน (โรงไฟฟ้า) น้ำหนักลงทุน “เท่ากับตลาดฯ” ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน Sentiment บวกในปี 67 จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นที่ใกล้จะสิ้นสุดลง และต้นทุนพลังงานที่ชะลอตัวลง หุ้นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่อย่าง GULF จะมีผลการดำเนินงานที่ยังเติบโตได้ดี และมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่าหุ้นโรงไฟฟ้าอื่น ขณะที่แนะนำขายหุ้นโรงไฟฟ้าที่เน้น SPP อย่าง BGRIM GPSC

ด้าน บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า เฟดส่งสัญญาณ Dovish Bond yields อายุ 10 ปีสหรัฐ พลิกปรับลง -19 bps อยู่ที่ 4.02% เช่นเดียวกับ 2 ปี ปรับลง -30 bps อยู่ที่ 4.43% จิตวิทยาบวกต่อการเงิน SAWAD, JMT อิเล็กทรอนิกส์ KCE, HANA กลุ่มTech consult BBIK BE8 ขณะที่ Dollar Index อ่อนค่าแรงบริเวณ 102.6+/- จุด

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ธ.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top