สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มกลับมาใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอีกครั้ง เช่น โควิด-19 โดยมาตรการเหล่านี้ ได้แก่ การติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิร่างกายตามสนามบินและส่งเสริมให้ประชาชนกลับมาสวมหน้ากากอนามัยอีกครั้ง
มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อชะลอการแพร่ระบาดของเชื้อโรคต่าง ๆ เนื่องจากระบาดของโรคโควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ และโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอื่น ๆ ในเวลาเดียวกันอาจนำไปสู่การแพร่ระบาดในวงกว้าง ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะทำให้ภาคการดูแลสุขภาพแบกรับภาระไม่ไหว
นายลอเรนซ์ หว่อง รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า “ข้อมูลที่แพร่สะพัดบนโลกออนไลน์ที่ระบุว่ารัฐบาลจะกลับมาใช้นโยบายสกัดโรคโควิด-19 แบบเข้มงวดอีกครั้งนั้นเป็นข้อมูลเท็จ”
กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสิงคโปร์พุ่งขึ้นแตะ 32,035 รายในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 2 ธ.ค. จาก 22,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
หนังสือพิมพ์สเตรตส์ไทมส์ (Straits Times) รายงานในวันนี้ (13 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ในอินโดนีเซียได้ติดตั้งเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายอีกครั้งตามจุดตรวจสอบคนข้ามพรมแดนบางแห่ง รวมถึงท่าอากาศยานนานาชาติหลักของกรุงจาการ์ตาและท่าเรือข้ามฟากบาตัม
ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขของอินโดนีเซียได้เรียกร้องให้ชาวอินโดนีเซียชะลอการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น รวมถึงแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19, หมั่นสวมหน้ากากกับล้างมือ และอยู่บ้านหากมีอาการป่วย
ด้านมาเลเซียมีการรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในหนึ่งสัปดาห์ โดยเพิ่มขึ้นเป็น 6,796 รายในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 2 ธ.ค. จาก 3,626 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ในมาเลเซียกล่าวว่า สถานการณ์ยังอยู่ภายใต้การควบคุมและไม่เป็นภาระแก่ภาคการดูแลสุขภาพ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ธ.ค. 66)
Tags: COVID-19, ลอเรนซ์ หว่อง, โควิด-19