นายวิตาลี คลิทช์โก นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟของยูเครนเปิดเผยเมื่อเช้านี้ (13 ธ.ค.) ว่า มีผู้บาดเจ็บมากกว่า 50 รายจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธขนาดใหญ่ในกรุงเคียฟเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.)
นายคลิทช์โกระบุผ่านเทเลแกรมว่า โรงพยาบาลหนึ่งแห่งและอาคารที่พักอาศัยหลายแห่งได้รับความเสียหายจากการโจมตีดังกล่าว พร้อมเปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดว่า มีผู้บาดเจ็บ 53 ราย โดยผู้บาดเจ็บ 20 รายจากจำนวนดังกล่าวซึ่งรวมถึงเด็ก 2 ราย ถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว
การโจมตีเมืองหลวงของยูเครนในครั้งนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงหนึ่งวันหลังจากที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน เพื่อพบปะกับปธน.โจ ไบเดน และฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐ การเยือนของปธน.เซเลนสกีมีเป้าหมายเพื่อขอเงินทุนฉุกเฉินเพิ่มเติมจำนวนมากจากสหรัฐ อย่างไรก็ดี สมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วนไม่พอใจเรื่องการให้ความช่วยเหลือยูเครนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนและพันธมิตรรายอื่น ๆ ของยูเครนออกมาเตือนว่า การหยุดให้ความช่วยเหลือยูเครนอาจนำมาซึ่งชัยชนะของรัสเซีย แต่เวลาสำหรับการพิจารณาข้อตกลงดังกล่าวในวุฒิสภากำลังจะสิ้นสุดลงในสัปดาห์นี้ ซึ่งปธน.เซเลนสกีระบุภายหลังการประชุม ณ กรุงวอชิงตันว่า แม้จะมีสัญญาณบวกจากฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ไม่ได้หมายความว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นแง่บวกไปด้วย
“ผมได้พูดในสิ่งที่ผมต้องการจะพูดไปแล้ว ผมรู้สึกได้ถึงการสนับสนุนจากฝ่ายบริหารของปธน.ไบเดน ผมยังรู้สึกถึงมันได้จากวุฒิสภาในวันนี้ด้วย เราได้พูดถึงเรื่องนี้แล้ว และเราได้พูดคุยกับประธานสภาแล้ว ซึ่งล้วนแล้วแต่มีสัญญาณที่ดี พวกเขายินดีจะสนับสนุน แต่เราก็ทราบดีว่า คำพูดกับการกระทำเป็นคนละอย่างกัน เราจะรอคอยผลลัพธ์ที่ดีขึ้นต่อไป” ปธน.เซเลนสกีกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ธ.ค. 66)
Tags: กรุงเคียฟ, ขีปนาวุธ, ยูเครน, สหรัฐ, โจ ไบเดน, โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี