ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาการประชุมนโยบายการเงินของ 3 ธนาคารกลางรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมในวันที่ 12-13 ธ.ค. ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะจัดการประชุมตรงกันในวันที่ 14 ธ.ค.
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางทั้ง 3 แห่งจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
* ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ข้อมูลล่าสุดจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้
อย่างไรก็ดี นักลงทุนคาดว่า เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค. 2567 ซึ่งล่าช้าออกไป 2 เดือนจากเดิมที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2567 หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 199,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 180,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้นจากระดับ 150,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ส่วนอัตราว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.7% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.9%
*ธนาคารกลางยุโรป (ECB)
ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 14 ธ.ค. และจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2567 หลังจากนางอิซาเบล ชนาเบล ซึ่งเป็นกรรมการสายเหยี่ยวใน ECB กล่าวว่า ECB สามารถตัดทางเลือกในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเงินเฟ้อได้ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน
ส่วนผลการสำรวจนักวิเคราะห์ของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่า ECB จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 2 ของปี 2567 ซึ่งเร็วกว่าคาดการณ์เดิมก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 3
ในการประชุมเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามการคาดการณ์ของตลาด ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค.2565 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 10 ครั้งติดต่อกันรวม 4.5%
ทั้งนี้ การคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ระดับ 4.00% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ระดับ 4.75% ส่วนอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์อยู่ที่ระดับ 4.50%
*ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25% ในการประชุมวันที่ 14 ธ.ค. สอดคล้องกับการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 2 พ.ย.
หาก BoE ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า ก็จะเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 14 ครั้ง
ทั้งนี้ BoE ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2564 เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับ 0.1% สู่ระดับ 5.25% ในเดือนส.ค.2566 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี
เจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่า BoE จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2567 โดยจะปรับลดลง 0.50% ในไตรมาสดังกล่าว เมื่อเทียบกับคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า BoE จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันตลอดปี 2567
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ธ.ค. 66)
Tags: ดอกเบี้ยนโยบาย, ตรึงดอกเบี้ย, ธนาคารกลางยุโรป, ธนาคารกลางสหรัฐ, ธนาคารกลางอังกฤษ, เฟด