GRAND หวังธุรกิจโรงแรมดาวรุ่งดันรายได้ปี 67 แตะ 5 พันลบ.จ่อทยอยขายสินทรัพย์-หาผู้ร่วมทุนช่วยลดหนี้

นายวิทวัส วิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ (GRAND) เปิดเผยว่า แผนงานในปี 67 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 5 พันล้านบาท มาจากรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 2 พันล้านบาท และธุรกิจโรงแรม 3 พันล้านบาท โดยที่คาดว่าการฟื้นตัวของธุรกิจจะมาจากธุรกิจโรงแรมที่ยังมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากปี 66 โดยเฉพาะโรงแรมในกรุงเทพฯที่เติบโตทั้งจากอัตราค่าห้องพักเฉลี่ย (ADR) ที่ปรับตัวขึ้น และอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (OCC) ที่เพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในต้นปี 67 บริษัทยังมีนโยบายในการจัดการด้านการเงิน โดยมีแผนสร้างกระแสเงินสดและลดหนี้ลงให้ได้ 7 พันล้านบาท ทั้งจากการเปิดรับผู้ร่วมทุนในธุรกิจโรงแรมที่มีอยู่ 5 แห่ง คาดหวังจะได้รับเงินร่วมทุนเข้ามาราว 5 พันล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับผู้สนใจส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนต่างประเทศ อีกทั้งยังมีแผนขายสินทรัพย์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บางส่วนเพื่อให้มีรายได้เข้ามาอีกราว 2 พันล้านบาท คาดว่าทั้งสองส่วนจะได้ข้อสรุปชัดเจนในไตรมาส 1/67

ส่วนผลงานในปี 66 รายได้หลักยังมาจากธุรกิจโรงแรมที่คาดว่าจะทำได้ 2.8 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 3 พันล้านบาท จากการที่นักท่องเที่ยวเข้ามาต่ำกว่าคาด และเป็นช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทยหลังโควิด-19 ซึ่งคาดว่าจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติในปีหน้า โดยช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ทำการปรับปรุงห้องอาหารของโรงแรมเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากอาหารและเครื่องดื่มให้มากขึ้นเสริมรายได้เข้ามาทดแทนด้วย

ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปลายปี 66 บริษัทมีการปรับสินค้าใหม่ในโครงการคอนโดมิเนียม “ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” โดยเปิดตัวห้องแบบใหม่ The Elite Collection ขนาด 3 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 136 ตารางเมตร ด้วย Layout ใหม่ที่รองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการห้องใหญ่เรียบหรูคลาสสิกบนทำเลทองย่านทองหล่อ ซึ่งมีจำนวนจำกัดและได้รับการตอบรับที่ดี ขณะที่โครงการ “อมาธารา เรสซิเดนซ์เซส ระยอง” นอกจากวิลล่าที่สร้างเสร็จแล้ว 9 หลัง ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างก่อสร้างบีชบาร์เพิ่มเติม จึงชะลอการเปิดตัวโดยเลื่อนไปเป็นต้นปี 67 เพื่อให้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของโครงการมีความพร้อมที่จะรองรับลูกค้าที่เข้ามาพักอาศัย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ธ.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top